กวี บล.พาย ตลาดหุ้นไทยลุ้นรีบาวด์ 2 เดือน แนะเก็งกำไรหุ้น Domestic Play รับกระแส ESG

ตลาดหุ้นไทยมีลุ้นรีบาวด์ 2 เดือนจาก Sentiment "กวี พายฯ” ชี้ 3 ปัจจัยหนุน แนะเก็งกำไรหุ้น Domestic Play รับกระแส ESG

ตลาดหุ้นไทยมีโอกาสรีบาวด์ในช่วงเดือนพฤษภาคมถึงมิถุนายนนี้ แม้อยู่ในภาวะผันผวนและยังไร้ปัจจัยพื้นฐานหนุนอย่างชัดเจน โดยคุณกวี ชูกิจเกษม กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ พาย จำกัด (มหาชน) ให้สัมภาษณ์ในรายการ Business Line & Life ว่าการฟื้นตัวในระยะสั้นครั้งนี้จะเกิดจาก Sentiment มากกว่าปัจจัยเศรษฐกิจจริง

3 ปัจจัยสำคัญที่หนุน Sentiment ตลาดหุ้นไทยระยะสั้น ได้แก่:

1. สงครามการค้า – ความคืบหน้าในการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีน รวมถึงบทบาทของอินเดีย คาดว่าจะเห็นความชัดเจนภายใน 60 วัน

2. มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจทั่วโลก – โดยเฉพาะจากจีน ซึ่งอาจหนุนบรรยากาศการลงทุนทั่วทั้งภูมิภาค

3. เม็ดเงินจากกองทุน Thai ESG – คาดว่าจะเริ่มไหลเข้าสู่หุ้นไทยที่เข้าเกณฑ์ ESG ในระยะสั้น


มุมมองเศรษฐกิจและกลยุทธ์การลงทุน:

คุณกวีเน้นย้ำว่า เศรษฐกิจโลกยังเปราะบาง โดยเฉพาะสหรัฐฯ ที่มีความเสี่ยงเข้าสู่ภาวะถดถอยทางเทคนิค (Technical Recession) จาก GDP ไตรมาส 1 ที่ติดลบ และไตรมาส 2 ที่ยังน่าเป็นห่วง ส่วนเศรษฐกิจไทยก็ยังถูกกดดันจากหนี้ครัวเรือน การส่งออกอ่อนแอ การท่องเที่ยวยังไม่ฟื้นเต็มที่ และการใช้จ่ายภาครัฐที่ลดลง

กลยุทธ์การลงทุนแนะนำ:

ระยะสั้น (พ.ค.–มิ.ย.): ใช้จังหวะเก็งกำไร หากดัชนีขึ้นถึง 1,420–1,430 จุด ให้พิจารณาลดพอร์ตหรือทำกำไร เนื่องจากยังไม่ใช่การกลับตัวขาขึ้นในเชิงโครงสร้าง

ระยะกลาง–ยาว: ผู้ที่ถือเงินสดอาจรอจังหวะตลาดปรับฐานอีกครั้ง หรือเน้นกระจายลงทุนแบบอนุรักษ์นิยม คล้ายแนวทางของ Warren Buffett ที่เลือกถือเงินสดในช่วงอัตราดอกเบี้ยสูง

กลุ่มหุ้นน่าสนใจรับกระแส ESG และปัจจัยบวกระยะสั้น:

โรงพยาบาล: BDMS (เน้นรายได้ในประเทศ)

ค้าปลีกสินค้าอุปโภค: CPALL

สื่อสาร: ADVANC

ธนาคาร: KTB และ TISCO

โรงแรม: MINT

อสังหาฯ ศูนย์การค้า: CPN

คุณกวีทิ้งท้ายว่า แม้รัฐบาลอาจมีข้อจำกัดในการบริหารจัดการ แต่ไม่ควรเปรียบเทียบประเทศไทยกับประเทศที่ล้มเหลวทางเศรษฐกิจ เช่น อาร์เจนตินาหรือเวเนซุเอลา เพราะโครงสร้างเศรษฐกิจไทยมีพื้นฐานที่มั่นคงกว่าอย่างมีนัยสำคัญ