“ดาโอ รีท” เผย มาตรการภาษีสหรัฐฯ ไม่กระทบ “กองทรัสต์ KTBSTMR”

 ดาโอ รีท” เผย มาตรการกำแพงภาษีของสหรัฐฯ ไม่กระทบโดยตรงต่อ “กองทรัสต์ KTBSTMR” เนื่องจากผู้เช่าหลักไม่มีการส่งออกไปสหรัฐฯ พร้อมกับมุ่งเน้นการรักษาความสัมพันธ์กับลูกค้าเดิม และบริหารสินทรัพย์ให้มีศักยภาพ แนะ การลงทุนอสังหาฯ ควรกระจายลงทุนและป้องกันความเสี่ยงให้สมดุล

นายพลสิทธิ ภูมิวสนะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดาโอ รีท แมเนจเมนท์ (ประเทศไทย) จำกัด หรือ ‘DAOL REIT’  ในฐานะผู้จัดการกองทรัสต์  เปิดเผยว่า เศรษฐกิจโลกรวมถึงสินทรัพย์ลงทุนต้องเผชิญความท้าทายครั้งใหญ่ หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐอเมริกา ประกาศใช้มาตรการกำแพงภาษีนำเข้าอัตราใหม่เมื่อวันที่ 2 เมษายน 2568 ที่ผ่านมา ซึ่งจะส่งผลกระทบโดยตรงต่อการค้าของทั่วโลกรวมถึงเศรษฐกิจไทยโดยเฉพาะภาคการส่งออก ซึ่งประเทศสหรัฐฯ ถือเป็นตลาดส่งออกอันดับ 1ของไทย มีสัดส่วนสูงถึง 18.3% ของมูลค่าการส่งออกทั้งหมดในปี 2567(เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจาก 12.7% ในปี 2019) อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 9เมษายน 2568 ทรัมป์ได้ประกาศการระงับการเก็บภาษีเป็นเวลา 90 วัน และลดอัตราภาษีศุลกากรแบบตอบโต้ (Reciprocal Tariff) ลงเป็น 10% ในช่วงระยะเวลาดังกล่าว 

ขณะที่ข้อมูลโดยสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ระบุว่า กลุ่มอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบมากในกรณีที่เกิดมาตรการกำแพงภาษีได้แก่ 1.) อุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วน 2.) อุตสาหกรรมอาหาร  3.) อุตสาหกรรมพลาสติก 4.) อุตสาหกรรมเคมี 5.) อุตสาหกรรมเครื่องจักร และอุปกรณ์อุตสาหกรรม 6.) อุตสาหกรรมสิ่งทอ 7.) อุตสาหกรรมเหล็กและกลุ่มอุตสาหกรรมอะลูมิเนียม ทำให้เกิดต้นทุนการผลิตที่เพิ่มขึ้น คำสั่งซื้อที่ลดลง และการผลิตชะลอลงรวมถึงกระทบต่อการแข่งขัน  

ทั้งนี้ในส่วนของผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ KTBSTMR ซึ่งเป็นกองทรัสต์อิสระแบบผสม ไม่ได้รับผลกระทบโดยตรง เนื่องจากผู้เช่าทรัพย์สินหลักของกองทรัสต์ 10 อันดับแรก (คิดเป็น 63.21% ของรายได้รวมปี 2567) ไม่มีการส่งออกสินค้าไปยังสหรัฐฯ ดังนั้นสินทรัพย์ภายใต้การบริการจัดการของ KTBSTMR ยังมีศักยภาพสร้างรายได้จากการประกอบกิจการที่สูง

อย่างไรก็ตามผู้จัดการกองทรัสต์และผู้บริหารอสังหาริมทรัพย์ ได้ติดตามสถานการณ์เรื่องภาษีการค้าสหรัฐฯ อย่างใกล้ชิดเพื่อรับมือกับผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นในระยะถัดไป เนื่องจากการเก็บภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ อาจจะมีผลกระทบทางอ้อมต่อกองทรัสต์ KTBSTMR ในด้านการเติบโตของเศรษฐกิจประเทศไทยที่อาจชะลอตัวตามเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าหลัก เช่น จีน ญี่ปุ่น ซึ่งในช่วงที่ผ่านมานักลงทุนจีนบางส่วนเข้ามาลงทุนเพื่อใช้เป็นฐานการผลิตส่งออกสินค้าไปยังสหรัฐฯ จึงอาจเกิดการชะลอหรือทบทวนแผนการลงทุน

ขณะเดียวกันผลจากการประกาศเก็บภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ ได้ส่งผลให้ตลาดสินทรัพย์ทั่วโลกมีความผันผวน ดังนั้นการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ว่าภายใต้ตลาดที่มีความผันผวน แนะให้กระจายการลงทุนในทรัพย์สินหลากหลายประเภท รวมถึงมีความหลากหลายของผู้เช่า เพื่อลดการพึ่งพิงรายได้จากผู้เช่ารายใดรายหนึ่ง หรือกลุ่มประเภทธุรกิจเดียว รวมถึงแต่ละทรัพย์สินอยู่ในทำเลที่มีศักยภาพ รวมทั้งมีการป้องกันความเสี่ยงให้สมดุล และติดตามข้อมูล ข่าวสาร ผลกระทบอย่างใกล้ชิด เพื่อหาแนวทางดำเนินการที่เหมาะสม

สำหรับ ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์เคทีบีเอสที มิกซ์ หรือ ‘KTBSTMR’ ได้พิจารณาจ่ายประโยชน์ตอบแทนไตรมาสที่ 4 ปี 2567 สำหรับรอบผลการดำเนินงานตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2567 – 31 ธันวาคม 2567 ไปเมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2568 ที่ผ่านมา ในอัตรา 0.1760 บาทต่อหน่วยทรัสต์ เป็นเงินประมาณ 53.06 ล้านบาท หรือ คิดเป็นอัตราเงินจ่ายประโยชน์ตอบแทนแบบปรับปรุงเต็มปี (Annualized) ที่ประมาณ 7.0% เมื่อเทียบกับราคาพาร์ และประมาณ 11.77% เมื่อเทียบกับราคาตลาด ณ วันที่ 17 เมษายน 2568 โดยตลอดทั้งปี 2567 กองทรัสต์ KTBSTMR ได้จ่ายผลประโยชน์ตอบแทนรวมทั้งสิ้น 0.7002 บาทต่อหน่วยทรัสต์ คิดเป็นมูลค่ารวมประมาณ 211.11 ล้านบาท โดยให้ผลตอบแทนเฉลี่ยในระดับเดียวกับไตรมาสที่ 4 ซึ่งตอกย้ำความมุ่งมั่นในการบริหารจัดการทรัพย์สินอย่างมีประสิทธิภาพ และมุ่งสร้างผลตอบแทนที่มั่นคงให้แก่ผู้ถือหน่วยทรัสต์อย่างต่อเนื่อง

ปัจจุบัน KTBSTMR เป็นกองทรัสต์อิสระแบบผสม ปัจจุบันมีทรัพย์สินภายใต้การบริหารจัดการ (AUM) รวมกว่า 3,765 ล้านบาท มีนโยบายกระจายการลงทุนในทรัพย์สินหลากหลายประเภท ได้แก่ คลังสินค้า (Warehouse) โรงงาน (Factory) อาคารสำนักงาน (Office) ศูนย์การค้าประเภทคอมมูนิตี้มอลล์ (Community Mall) และศูนย์รับฝากข้อมูล (Data Center) เป็นต้น

นอกเหนือจากการจัดหาทรัพย์สินที่มีศักยภาพเพื่อการลงทุนในอนาคตแล้ว ด้วยปัจจัยเศรษฐกิจและการลงทุนที่มีแรงกดดันจากเรื่องมาตรการกำแพงภาษีของสหรัฐฯ DAOL REIT ยังมุ่งเน้นการดูแลรักษาความสัมพันธ์กับลูกค้าเดิมไปพร้อมกันด้วย ขณะเดียวกันได้ดำเนินการขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่มใหม่ๆ รวมถึงบริหารจัดการทรัพย์สินให้มีศักยภาพอยู่เสมอ” นายพลสิทธิ กล่าว