บล.บัวหลวง ประกาศความสำเร็จ ธุรกิจ Global Investing ลูกค้าเปิดบัญชีลงทุนหุ้นต่างประเทศล้นหลาม


 

หลักทรัพย์บัวหลวง ปลื้ม “ธุรกิจบริการลงทุนต่างประเทศ Global Investing” ประสบความสำเร็จอย่างท้วมท้น หลังเปิดบริการครบรอบ 1 ปี นักลงทุนสนใจเปิดบัญชีลงทุนหลักทรัพย์ต่างประเทศล้นหลาม รับเทรนด์ลงทุน                    หุ้นต่างประเทศมาแรงยุคดอกเบี้ยต่ำ ขณะที่เครื่องมือช่วยจับสัญญาณเทคนิคหุ้นต่างประเทศ Global Signals” ถูกใจสายโกอินเตอร์ พร้อมแนะกลยุทธ์ลงทุนและหุ้นเด่นช่วงครึ่งหลังปี 63

 

นายรัฐศรัณย์ ธนไพศาลกิจ ผู้อำนวยการ หัวหน้าฝ่าย Global Investing บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงความสำเร็จของบริการลงทุนต่างประเทศ Global Investing ว่า ในช่วง 1 ปีที่ผ่านมามีลูกค้าสนใจ   เปิดบัญชีลงทุนต่างประเทศอย่างล้นหลาม หลังกระแสลงทุนหุ้นต่างประเทศได้รับความสนใจจากนักลงทุนไทย            อย่างต่อเนื่อง เพราะอัตราดอกเบี้ยนโยบายทั่วโลกอยู่ในระดับต่ำ ขณะที่บางประเทศติดลบ นอกจากนั้นในช่วง ปี           ที่ผ่านมา ผลตอบแทนการลงทุนตลาดหุ้นไทยติดลบ 19เมื่อเทียบกับตลาดหุ้นต่างประเทศที่ให้ผลตอบแทนที่ดี โดยเฉพาะในตลาดหุ้นสหรัฐฯ เช่น ดัชนี Nasdaq บวก 40และ ดัชนี S&P500 บวก 18% ส่งผลให้นักลงทุนเริ่มมองหาโอกาสการลงทุนในตลาดหุ้นต่างประเทศมากขึ้น  

ขณะเดียวกันหลักทรัพย์บัวหลวงยังได้ออกแบบตัวช่วยที่ทำให้การลงทุนต่างประเทศเป็นเรื่องง่ายแค่ปลายนิ้ว โดยเฉพาะเครื่องมือช่วยจับสัญญาณเทคนิคหุ้นต่างประเทศ ด้วยระบบคอมพิวเตอร์ ง่าย ๆ ใน 1 นาที ในชื่อ            “Global Signals” ที่แสดงออกมาให้เข้าใจง่าย ๆ ด้วยจำนวนรูปของกระทิง (Bull Signals) และหมี (Bear Signals)         ซึ่งนวัตกรรมสุดล้ำตัวนี้จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการลงทุนหุ้นต่างประเทศของนักลงทุนได้อย่างดี นอกจากนั้นยังมีโปรโมชั่นพิเศษสำหรับลูกค้า Global Investing “วันอังคาร Transfree” ฟรี ค่าธรรมเนียมโอนเงินไปต่างประเทศทุกวันอังคารตลอดวัน จากปกติ 1,000 บาทต่อครั้งต่อสกุลเงิน จนถึงสิ้นปี 63

“นอกจากเราจะพัฒนานวัตกรรมสุดล้ำมาช่วยให้การลงทุนหุ้นต่างประเทศเป็นเรื่องสะดวกและง่ายขึ้นแล้ว       เรายังมีรายงานสรุปเงินได้จากการลงทุนในต่างประเทศ เพื่อประกอบการพิจารณาภาษีรอบปี พร้อมบทวิเคราะห์เกาะติดสถานการณ์รอบโลกและหุ้นที่น่าสนใจเป็นประจำทุกสัปดาห์ ที่สำคัญยังมีการจัดสัมมนาออนไลน์เอ็กซ์คลูซีฟแบบส่วนตัวกับทีมงานมืออาชีพ เพื่อให้ความรู้นักลงทุนเป็นประจำทุกเดือนอีกด้วย” นายรัฐศรัณย์ กล่าว

นายรัฐศรัณย์ กล่าวถึงแนวโน้มการลงทุนหุ้นต่างประเทศในช่วงครึ่งหลังปี 63 ว่า การลงทุนหุ้นต่างประเทศ     เป็นอีกหนึ่งทางเลือกการลงทุนที่น่าสนใจ เพราะนอกจากจะช่วยลดความเสี่ยงด้านภูมิศาสตร์แล้วยังสร้างโอกาสการลงทุนในอุตสาหกรรมใหม่ ๆ ที่ไม่มีในตลาดหุ้นไทย โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่เติบโตต่อเนื่องไปพร้อมกับนวัตกรรมของโลกอนาคต หลังการเข้ามาของเทคโนโลยีทำให้หลากหลายอุตสาหกรรมต้องปรับตัว เช่น ธุรกิจโรงพยาบาล และธุรกิจการเงิน เป็นต้น

ปัจจุบันหุ้นต่างประเทศหลายตัวปรับตัวขึ้นมามาก ดังนั้นนักลงทุนควรใช้กลยุทธ์ รอย่อสะสม เน้นการลงทุนใน “ตลาดหุ้นสหรัฐฯ” สัดส่วนประมาณ 70% ใน 3 กลุ่มหลัก คือ 1.กลุ่มเทคโนโลยี เช่น หุ้น Microsoft (MSFT)                    และ หุ้น Apple (AAPL) เป็นต้น โดยหุ้นทั้ง 2 ตัวมีแนวโน้มการเติบโตที่ดี มีค่า P/E ประมาณ 30 เท่า ซึ่งเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยของตลาด NASDAQ ที่มีค่า P/E เฉลี่ย 50 เท่า ถือเป็นหุ้นที่น่าสนใจ 2.หุ้นกลุ่ม Growth Stock อย่าง                 “กลุ่มเฮลธ์แคร์ เช่น หุ้น Intuitive Surgical Inc. (ISRG) เจ้าของหุ่นยนต์ทางการแพทย์ “ดาวินซี” ซึ่งเป็นหุ้นที่เหมาะกับการลงทุนในระยะยาว และมีจุดแข็งที่คู่แข่งสู้ได้ยาก

3.หุ้นคุณค่า (Value Stock) ที่มีมูลค่ากิจการเติบโตต่อเนื่อง โดยในช่วงที่ผ่านมาราคาปรับตัวลดลงจากวิกฤติ   โควิด-19 แต่ธุรกิจยังมีความแข็งแกร่ง หากผ่านสถานการณ์นี้ไปแล้ว เชื่อว่าราคาหุ้นมีโอกาสฟื้นตัว                                      เช่น หุ้น Starbucks  (SBUX) ร้านกาแฟชื่อดัง แม้ที่ผ่านมาจะได้รับผลกระทบจากโควิด-19 แต่ในระยะยาวยังเติบโตได้ดี เพราะมี Brand Loyalty แข็งแกร่ง รวมถึง หุ้น Ferrari (RACE) ผู้ผลิตรถยนต์หรูจากประเทศอิตาลี ถือเป็นหุ้นอีกตัวที่น่าสนใจ แม้ยอดขายจะลดลงในช่วงที่ผ่านมา แต่บริษัทยังรักษาอัตรากำไรในระดับสูงไว้ได้ เพราะเจาะลูกค้าเฉพาะกลุ่ม

นอกจากนั้นยังแนะนำลงทุนใน “ตลาดหุ้นฮ่องกง” สัดส่วนประมาณ 20เนื่องจากประเทศฮ่องกงเป็นศูนย์กลางเอเชียและหุ้นหลายตัวเติบโตไปพร้อมกับเศรษฐกิจจีน โดยกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) และธนาคารโลก     (World Bank) เชื่อว่าเศรษฐกิจจีนจะแซงหน้าสหรัฐฯ ขึ้นเป็นอันดับหนึ่งของโลกภายในปี 2567 ดังนั้นหุ้นจีนถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกการลงทุนที่น่าสนใจ ซึ่งนักลงทุนสามารถเลือกลงทุนหุ้นรายตัว หรือลงทุนผ่านกองทุน ETF ที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นฮ่องกง เช่น CSI300 China ETF (3188.HK) อิงดัชนี CSI300 หุ้นจีนขนาดใหญ่ 300 ตัว เป็นต้น ส่วนที่เหลือ   แนะลงทุน “ตลาดหุ้นเวียดนาม” สัดส่วนประมาณ 10เน้นลงทุนผ่าน DR “E1VFVN3001” ที่อ้างอิง ETF ของดัชนี VN30 หรือหากต้องการลงทุนหุ้นรายตัวแนะนำ หุ้น Vinamilk (VNM) ที่เติบโตไปพร้อมกับการบริโภคภายในประเทศเวียดนาม            

ทั้งนี้ ในโอกาสฉลองครบรอบ ปี บริการลงทุนต่างประเทศ Global Investing ลูกค้าหลักทรัพย์บัวหลวง             ที่มีบัญชีหลักทรัพย์ต่างประเทศ และมีปริมาณซื้อขายหลักทรัพย์ต่างประเทศรวมตั้งแต่ ล้านบาทขึ้นไป รับ Starbucks e-Coupon มูลค่า 500 บาท ระยะเวลาตั้งแต่วันนี้ - 31 สิงหาคม 63 ติดตามข้อมูลการลงทุนหุ้นต่างประเทศเพิ่มเติมที่ www.bualuang.co.th/globalinvesting หรือโทร 0-2618-1111