TERA ขาย IPO หุ้นละ 1.75 บาท จองซื้อช่วง 3 -11 เม.ย. พร้อมเทรด 24 เม.ย. 67 เพิ่มสัดส่วนรายได้ Recurring โต 70% ใน 3 ปี

.

นายสุรสิทธิ์ คิวประสพศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เทอร์ราไบท์ พลัส จำกัด (มหาชน) หรือ หุ้น TERA เปิดเผยราคาขายหุ้น IPO ที่ราคา 1.75 บาทต่อหุ้น จองซื้อหุ้นในช่วง 9 - 11 เมษายน 2567 พร้อมลงทุนในตลาด mai ในวันที่ 24 เมษายน 2567 ด้วยจำนวนหุ้น 90 ล้านหุ้น สัดส่วนการเสนอขายหุ้น ผู้ถือหุ้นของ NEX หรือ Pre-emptive Rights 36 ล้านหุ้น (40%) ผู้มีอุปการคุณของผู้จัดจำหน่ายหลักทรัพย์ 41 ล้านหุ้น (45.56%) ผู้มีอุปการคุณของบริษัทหรือบริษัทย่อย ไม่เกิน 4.5 ล้านหุ้น (5%) กรรมการ ผู้บริหาร และพนักงานของบริษัทหรือบริษัทย่อย รวมถึงผู้มีความสัมพันธ์ 8.5 ล้านหุ้น(9.44%) ขณะที่หุ้นของผู้ถือหุ้นเดิมจะถูกติด Silent Period เป็นเวลา 6 เดือน

พร้อมทั้งแต่งตั้ง บล. บียอนด์ และ บล.ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่าย ผนึกบริษัทหลักทรัพย์ 3 แห่ง ร่วมจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย คือ บล.ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) และบริษัทหลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด

มีสัดส่วนรายได้จาก 4 กลุ่มธุรกิจหลัก โดยแบ่งออกเป็น รายได้จากการขาย 54% รายได้จากบริการ 45% และอื่นๆอีก 1% ทั้งนี้ ได้มีการวางแผนเพิ่มสัดส่วนรายได้จากการให้บริการ (Recurring income) แตะ 70% ใน 3 ปี ปัจจุบันมีสัดส่วนเป็น 40% ของรายได้รวม 

ทั้งนี้สัดส่วนของลูกค้าแบ่งออกเป็น เอกชน 90% ในขณะที่ ลูกค้าในส่วนภาครัฐฯ เพียง 10% แต่ในอนาคตมีแผนที่จะเพิ่มสัดส่วนของลูกค้ากลุ่มดังกล่าว เนื่องจากความต้องการใน Digital transformation นั้นเพิ่มมากขึ้นนั่นเอง

ทางด้านวัตถุประสงค์การใช้เงินระดมทุน (1.) นำมาลงทุนในระบบ T.Cloud Gen3 ด้วยมูลค่าลงทุน 60 ล้านบาท รับรู้รายได้ปี 2568 โดยจะเริ่มลงทุน Q4/67 (2.) ลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องที่มีศักยภาพ เพื่อรองรับการเติบโตของบริษัท มูลค่าลงทุน 70 ล้านบาท โดยเริ่มลงทุนช่วง 2568 - 2569 โดยจะเน้นการเข้าไปลงทุนในบริษัทกลุ่ม IT และ SMEs ที่ลงทุนและมีแอปพลิเคชั่นรวมไปถึงมีฐานลูกค้ากลุ่มเดิมอยู่แล้ว (3.) เงินทุนหมุนเวียนภายในกิจการ มูลค่าลงทุน 9.40 ล้านบาท โดยเริ่มลงทุนในช่วงปี 2567 - ปี 2568 รวมเงินลงทุนทั้งสิ้น 139.40 ล้านบาท

โดยหลังจากการระดมทุนครั้งนี้ ทางบริษัทฯ จะสามารถรองรับงานที่ขนาดใหญ่ขึ้น จากเดิมรองรับได้ 20 - 30 ล้านบาทต่อโครงการ

นอกจากนี้ หุ้น TERA ยังมีค่า P/E Ratio หรือราคาตลาดต่อกำไรสุทธิต่อหุ้นที่น่าสนใจเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยของ P/E Ratio ในอุตสาหกรรมเดียวกัน ซึ่งเชื่อมั่นว่าหุ้น TERA จะได้รับความสนใจจากนักลงทุน โดย TERA เป็นผู้ให้บริการโซลูชันด้านเทคโนโลยีครบวงจรที่มีความเชี่ยวชาญมากกว่า 19 ปี

#TERA #IPO #เทอร์ราไบท์พลัส