KGI เห็นโอกาสลงทุนตลาดหุ้นญี่ปุ่น จีน และฮ่องกง ออก DR “JAPAN13” “HK13” “HKTECH13”

KGI เห็นโอกาสลงทุนตลาดหุ้นญี่ปุ่น จีน และฮ่องกง ลุยออก DR  “JAPAN13” “HK13” “HKTECH13” 


นายเจนวิทย์ ชินกุลกิจนิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการฝ่ายธุรกิจตราสารอนุพันธ์ บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) เปิดเผยว่าในช่วงเดือนมกราคม 2567 ที่ผ่าน ได้มีการออก DR (Depositary Receipt) สำหรับผู้ที่สนใจลงทุนหุ้นต่างประเทศ โดย DR ทั้ง 3 ตัว ได้แก่ JAPAN13, HK13 และ HKTECH13 ที่ลงทุนในกอง ETF ตลาดหุ้นญี่ปุ่น และตลาดหุ้นฮ่องกง การรุกธุรกิจ DR ที่อ้างอิงกับเศรษฐกิจฮ่องกงและจีนและตลาดหุ้นญี่ปุ่น

.

โดยในปี 2023 ที่ผ่านมา ทาง KGI เล็งเห็นดัชนีตลาดหุ้นทั่วโลกเคลื่อนตัวแยกกันอย่างชัดเจน ได้แก่ ดัชนี Nikkei225 +30% ขณะที่ดัชนี Hang Seng Index -18%, ดัชนี Hang Seng TECH Index ลง -15% ซึ่งทาง KGI เล็งเห็นถึงโอกาสในการเจาะกลุ่มลูกค้า 2 กลุ่ม กลุ่มนักลงทุนที่ชอบตลาดทำนิวไฮใหม่เรื่อยๆอย่างตลาดหุ้นญี่ปุ่น อีกกลุ่มนักลงทุนที่ชอบการลงทุนในรอบระยะยาว 3 - 5 ปี 

.

ถึงแม้ตลาดหุ้นญี่ปุ่นจะถูกมองว่าอยู่ในจุดที่สูงมากแล้ว แต่ทาง KGI มองว่าสามารถขึ้นต่อได้อีก นอกจากนี้ทิศทางของตลาดหุ้นจีนและฮ่องกงนั้นอยู่ในจุดที่ต่ำ มองว่า 3 -5 ปี จึงจะกลับมาเป็นขาขึ้นอีกครั้ง 

.

คุณเจนวิทย์ กล่าวเสริมว่า “DR” เป็นตราสารการเงินที่เป็นตัวกลางการลงทุนให้นักลงทุนสามารถลงทุนในต่างประเทศได้ผ่านการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) จากที่ปกติการลงทุนในต่างประเทศโดยตรงจะทำได้ยาก ต้องเปิดบัญชีหุ้นที่ต่างประเทศ และต้องเสียภาษีบนกำไรที่นำกลับเข้ามาด้วย ทั้งนี้ DR มีราคา Bid-Offer ที่อ้างอิงกับราคาหุ้นต่างประเทศที่แปลงมาเป็นสกุลเงินไทยบาท นักลงทุนจึงใช้บัญชีซื้อขายหุ้นปกติลงทุนใน DR ได้เลย โดย DR ไม่มีวันหมดอายุ จึงเหมาะกับการลงทุนระยะยาว แตกต่างจาก DW ที่มีอายุจำกัด และอัตราทดสูง จึงเหมาะกับการเก็งกำไรในระยะสั้นมากกว่า


สำหรับ “DR” ทั้งสามตัวที่ออกมาล่าสุดประกอบด้วย

1. “JAPAN13” ลงทุนในกองทุน ETF ChinaAMC MSCI Japan Hedged to USD ETF (3160 HK) โดยมีการลงทุนในหุ้นขนาดใหญ่ที่ญี่ปุ่นมากกว่า 200 ตัว เช่น TOYOTA, SONY Group และ Mitsubishi UFJ Financial Group เป็นต้น โดยในปี 2023 ราคากองทุน ETF นี้ปรับตัวขึ้นถึง 32.7% และมีค่ามูลค่าสินทรัพย์ภายใต้การจัดการสูงกว่า 1.1 หมื่นล้านบาท 

2. “HK13” ลงทุนในกองทุน ETF Tracker Fund of Hong Kong (2800 HK) จะมีราคาเคลื่อนไหวใกล้เคียงกับดัชนี Hang Seng ซึ่งเป็นดัชนีที่ครอบคลุมหุ้นประมาณ 80 บริษัทที่มีการทำธุรกิจในประเทศจีนและฮ่องกง เช่น HSBC Holding, TENCENT, AIA Group, ALIBABA และ CHINA Mobile เป็นต้น กองทุนมีสินทรัพย์ภายใต้การจัดการสูงถึงกว่า 5 แสนล้านบาท

3. “HKTECH13” ลงทุนในกองทุน Heng Seng TECH Index ETF (3032 HK) ที่มีนโยบายการลงทุนในหุ้นที่เกี่ยวข้องเทคโนโลยีขนาดใหญ่ และทำธุรกิจในประเทศจีนเป็นหลัก ครอบคลุมหุ้น 30 ตัว เช่น XIAOMI, TENCENT, NETEASE, ALIBABA และ SMIC โดยกองทุนนี้มีสินทรัพย์ภายใต้การจัดการสูงกว่า 1.1 หมื่นล้านบาท


ทั้งนี้ DR ของทาง KGI มีความโดดเด่นในการเน้นสร้างสภาพคล่องสูงอย่างต่อเนื่องให้กับนักลงทุน เนื่องจากมีฐานลูกค้าที่สะท้อนให้เห็นจากมูลค่าการซื้อขายของ DW13 ที่มีมากถึงพันกว่าล้านบาทต่อวัน 


ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม https://www.thaiwarrant.com/


#KGI #DR #JAPAN13 #HK13 #HKTECH13 #เคจีไอ