“ธนาคารไทยเครดิต” เปิดราคา IPO 28 - 29 บาท/หุ้น รอเคาะราคาจริง 29 ม.ค. 67 จองซื้อ 23 - 26 ม.ค. เข้าSET 9 ก.พ. 67

“ธนาคารไทยเครดิต” เปิดราคา IPO 28 - 29 บาท/หุ้น รอเคาะราคาจริง 29 ม.ค. 67 จองซื้อ 23 - 26 ม.ค. เข้าตลาดหลักทรัพฯ 9 ก.พ. 67 


นายวิญญู ไชยวรรณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารไทยเครดิต จำกัด (มหาชน) (“ธนาคารฯ” หรือ “ธนาคารไทยเครดิต”) กล่าวว่า ธนาคารไทยเครดิต จำกัด (มหาชน) ถือเป็นธนาคารพาณิชย์ที่เข้ามาระดมทุนในรอบ 10 ปี ซึ่งเสนอขายหุ้นไอพีโอ “CREDIT” โดยมี ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน) เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน 


ธนาคารฯ เตรียมเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนที่ออกและเสนอขายโดยธนาคารฯ และหุ้นสามัญที่เสนอขายโดยผู้ถือหุ้นเดิม จำนวนไม่เกิน 347,029,122 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้ 5.00 บาท/หุ้น คิดเป็นไม่เกินร้อยละ 28.2 ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วทั้งหมดของธนาคารฯ ภายหลังการทำ IPO 


โดยจัดสรรหุ้นไอพีโอให้นักลงทุนรายย่อยร่วมจองซื้อวันที่ 23 - 26 มกราคมนี้ กำหนดช่วงราคาเสนอขายเบื้องต้น 28.00 – 29.00 บาท/หุ้น ผ่าน 10 บริษัทหลักทรัพย์และธนาคารชั้นนำ โดยนักลงทุนรายย่อยจะชำระเงินที่ราคา 29.00 บาทต่อหุ้น ซึ่งเป็นราคาเสนอขายสูงสุดของช่วงราคาเสนอขายเบื้องต้น และจะได้รับคืนส่วนต่างค่าจองซื้อคืน หากราคาเสนอขายสุดท้าย (Final Price) ต่ำกว่าราคา 29.00 บาทต่อหุ้น ซึ่งจะมีการเคาะราคาสุดท้ายในวันที่ในวันที่ 29 มกราคม 2567 


ทั้งนี้ ธนาคารฯ ผู้ถือหุ้นเดิม ผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย และผู้ซื้อหุ้นเบื้องต้นในต่างประเทศ (Initial Purchasers) จะพิจารณาร่วมกันในการกำหนดราคาเสนอขายสุดท้าย (Final Price) โดยพิจารณาจากการสำรวจความต้องการซื้อหลักทรัพย์ (Bookbuilding) จากนักลงทุนสถาบันเสนอความต้องการซื้อเข้ามา 


ในวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2567 ที่จะถึงนี้ ทางธนาคารไทยเครดิตจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ในหมวดกลุ่มธุรกิจการเงิน / ธนาคาร โดยจากการระดมทุนในครั้งนี้ทางธนาคาร คาดหวังมูลค่าระดมทุนที่ประมาณ 9.7 พันล้านบาท ถึง 1 หมื่นล้านบาท ซึ่งจุดประสงค์การเข้ามาระดมทุนในครั้งนี้ ต้องการจะเพิ่มศักยภาพในการบริหารงาน เสริมสร้างความแข็งแกร่งของเงินกองทุนของธนาคารฯ เพื่อใช้เป็นเงินทุนสำหรับการขยายพอร์ตสินเชื่อ รวมทั้ง การปรับปรุงและพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศในการเปลี่ยนผ่านสู่ระบบดิจิทัล (Digital Transformation) และโครงสร้างพื้นฐานด้านความปลอดภัยของระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ 

(IT Security and Infrastructure) 


ธนาคารไทยเครดิต เป็นธนาคารพาณิชย์ที่มุ่งเน้นการปล่อยสินเชื่อนาโนและไมโครเครดิตเพื่อคนค้าขาย ( Nano and Micro Finance ) และสินเชื่อธุรกิจไมโครเอสเอ็มอี ( Micro SME ) ซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าในประเทศไทยที่ยังไม่สามารถเข้าถึงบริการทางการเงินได้เท่าที่ควร กลุ่มลูกค้าดังกล่าวมีจำนวนมากและถือเป็นฟันเฟืองสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ รวมไปถึง บริการเงินฝาก บริการสินเชื่อเพื่อการค้าต่างประเทศ และบริการอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจธนาคารฯ ชูจุดเด่น ธนาคารไทยเครดิต ถือเป็นธนาคารพาณิชย์ที่มี NIM (Net Interest Margin) สูงสุดในอุตสาหกรรม มีอัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้ (Cost to Income Ratio) ต่ำที่สุดในอุตสาหกรรม และอัตราการเติบโตของสินเชื่อสูงสุดในอุตสาหกรรม


สำหรับผลการดำเนินงานปี 2563-2565 และงวด 9 เดือนแรกของปี 2566 ธนาคารฯ มีรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ 6,370.9 ล้านบาท 8,493.6 ล้านบาท 11,052.4 ล้านบาท และ 9,783.8 ล้านบาทตามลำดับ มีกำไรสุทธิ 1,372.9 ล้านบาท 1,935.0 ล้านบาท 2,352.5 ล้านบาท และ 2,816.7 ล้านบาท ตามลำดับ ขณะที่ อัตราส่วนผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้นเฉลี่ย (ROE) เท่ากับ 18.0 .7.9% และ 21.8% ตามลำดับ สำหรับปี 2563-2565 และงวด 9 เดือนแรกของปี 2566 เงินให้สินเชื่อแก่ลูกหนี้ของธนาคารฯ มีจำนวนเท่ากับ 68,562.4 ล้านบาท 97,728.7 ล้านบาท 121,298.0 ล้านบาท และ 138,435.1 ล้านบาท ตามลำดับ อัตราเติบโตโดยเฉลี่ยสะสมต่อปี (CAGR) อยู่ที่ 33.0% ต่อปี (2563-2565) โดยมีปัจจัยหลักมาจากการเติบโตในทุกกลุ่มสินเชื่อหลักของธนาคารฯ ทั้งสินเชื่อธุรกิจไมโครเอสเอ็มอี สินเชื่อนาโนและไมโครเครดิตเพื่อคนค้าขาย และสินเชื่อบ้าน


ทั้งนี้ ธนาคารไทยเครดิต มีนักลงทุนสถาบันทั้งไทยและต่างประเทศสนใจเข้ามาลงทุนธนาคารไทยเครดิต รูปแบบผู้ลงทุนสถาบันที่เป็น Cornerstone Investors รวมจำนวน 6 ราย คิดเป็นมูลค่ารวมประมาณไม่เกิน 140,352,490 หุ้น ที่ราคาเสนอขายสุดท้าย หรือคิดเป็นประมาณ 40% ของจำนวนหุ้น IPO ทั้งหมด สะท้อนความเชื่อมั่น ประกอบด้วยผู้ลงทุนสถาบันที่เป็น Cornerstone Investors ที่จองซื้อในประเทศ จำนวนประมาณไม่เกิน 23,646,600 หุ้น  คือ 

1. บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) 


2. บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ทาลิส จำกัด และ 

3. บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน อเบอร์ดีน (ประเทศไทย) จำกัด

เสนอขายต่อผู้ลงทุนสถาบันที่เป็น Cornerstone Investors ที่จองซื้อในต่างประเทศ จำนวนประมาณไม่เกิน 116,705,890 หุ้น 

คือ 1.บรรษัทเงินทุนระหว่างประเทศ (International Finance Corporation (IFC)) 2.ธนาคารเพื่อการพัฒนาเอเชีย (Asian Development Bank) และ 3.E.SUN Commercial Bank, Ltd.


ธนาคารฯ เตรียมเปิดให้จองซื้อสำหรับนักลงทุนรายย่อย ระหว่างวันที่ 23 – 26 มกราคม 2567 และเตรียมเปิดให้นักลงทุนสถาบันจองซื้อในวันที่ 31 มกราคม – 2 กุมภาพันธ์ 2567 ผ่านช่องทางบริษัทหลักทรัพย์ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย 3 ราย คือ

• บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) จํากัด

• บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน)

• บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)

และบริษัทหลักทรัพย์ในฐานะผู้จัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายอีก 6 ราย คือ

• บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จํากัด (มหาชน)

• บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี พัฒนสิน จำกัด (มหาชน)

• บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จํากัด (มหาชน)

• บริษัทหลักทรัพย์ พาย จํากัด (มหาชน)บริษัทหลักทรัพย์ ไอร่า จํากัด (มหาชน)

• บริษัทหลักทรัพย์ เอสบีไอ ไทย ออนไลน์ จำกัด

และตัวแทนจำหน่ายหุ้น 1 ราย คือ

• ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน)


#THAICREDIT #CREDIT #IPOroadshow #ธนาคารไทยเครดิต #ไทยเครดิต