innovestX ปี 67 ต้นปีเน้นลงทุนระยะยาว ลุ้นตลาดไทยฟื้นในช่วงไตรมาส3

innovestX ปี 67 ต้นปีเน้นลงทุนระยะยาว ลุ้นตลาดไทยฟื้นในช่วงไตรมาส3 ชี้เป้า 10 หุ้นเด่น SET Index อยู่ที่ 1,650-1,700 จุด 

.

นายสุกิจ อุดมศิริกุล กรรมการผู้จัดการ สายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด กล่าวถึงตลาดทุนไทยที่อยู่ในระดับต่ำกว่ามูลค่า (Under Value) เป็นโอกาสของการลงทุนในระยะยาว โดยตลาดหุ้นในฝั่งเอเชียมีความน่าสนใจมากกว่าตลาดหุ้นสหรัฐฯ และ ยุโรป เนื่องจากเศรษฐกิจยังมีอัตราการเติบโตในระดับสูง อัตราเงินเฟ้อปรับตัวลดลง โดยมีโอกาสที่จะเห็น เงินทุนต่างชาติไหลเข้าตลาดหุ้นเอเชียมากขึ้นอีกด้วย หากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ อ่อนค่าลง


ทางด้านการเติบโตของเศรษฐกิจไทยปี 2567 คาดว่าจะขึ้นอยู่กับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจทั้ง Digital Wallet โดยหากมีการนำนโยบายมาใช้ คาด GDP  4.1% ในขณะที่หากไม่มีการนำดิจิทัลวอลเล็ตมาใช้งานจะเติบโตอยู่ที่ 3.2%  รวมไปถึงแรงผลักดันจากนโยบายสนับสนุน Soft Power นอกจากนี้มอง SET Index อยู่ที่ 1,650-1,700 จุด จุดเข้าซื้อที่สำคัญอยู่ที่ 1,400-1,450 จุด 


นายสิทธิชัย ดวงรัตนฉายา นักกลยุทธ์อาวุโสตลาดหุ้นไทยและต่างประเทศ ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด เผยถึงคำแนะนำการวางกลยุทธ์การลงทุน โดยมองภาพรวมการลงทุนในไตรมาส 1/2567 ว่ามีความผันผวนสูง คาดว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ มีโอกาสเกิดภาวะถดถอย แต่หุ้นไทยและเอเชียที่เศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัวจะมีความน่าสนใจลงทุนมากกว่าหุ้นในตลาดพัฒนาแล้ว ในส่วนของประเทศไทยมองตลาดหุ้นไทยจะปรับเพิ่มขึ้น แต่ความผันผวนจะมีตลอดทั้งปี ปัจจัยหนุนมาจากงบประมาณที่กำลังทยอยเบิกจ่าย และมาตรการกระตุ้นของภาครัฐ 


ยังให้ความสำคัญต่อกลุ่มหุ้นยั่งยืน (ESG) และได้รับความสนใจเข้าลงทุนเพิ่มมากขึ้น ในส่วนของหุ้นต่างประเทศแนะนำลงทุนหุ้นในกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับธีมเทคโนโลยีที่ได้ประโยชน์จากการใช้งาน AI ซึ่งเหมาะสำหรับการลงทุนระยะยาวกลุ่มเซมิคอนดักเตอร์อยู่ในช่วงวัฏจักรขาขึ้น การฟื้นตัวยังน่าสนใจในช่วงครึ่งแรกปี 2567 นอกจากนั้นยังเน้นการลงทุนในหุ้นคุณภาพดีที่ราคาลดลงแรง


ดังนั้น ในปี 2567 ยังเป็นปีที่ตลาดหุ้นโลกและไทยยังคงมีความผันผวน ซึ่งมีโอกาสเกิดขึ้นจาก 3 ปัจจัย 1) ปัจจัยด้านเศรษฐกิจ ได้แก่ ภาวะเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่อาจเกิดภาวะถดถอยในช่วง 1H24 และ ทิศทางอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯ ที่จะลดลงเร็วตามที่ตลาดการเงินกำลังคาดหรือไม่ โดยหากเป็นไปตามคาดจะส่งผลต่อดีต่อตลาดหุ้นเกิดใหม่และตลาดหุ้นไทย รวมไปถึงด้านเศรษฐกิจจีนกำลังเผชิญปัญหาเชิงโครงสร้างที่เป็นอุปสรรคสำคัญทำให้การเติบโตชะลอตัวลงต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 10 ปีที่ผ่านมา และกำลังสูญเสียความเป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจให้กับอินเดีย นอกจากนี้ยังต้องติดตามนโยบายการเงินของธนาคารกลางญี่ปุ่นว่าจะเริ่มหยุดผ่อนคลายเมื่อไร ซึ่งจะมีผลกระทบต่อตลาดหุ้นญี่ปุ่นและตลาดอัตราแลกเปลี่ยน รวมถึงความคืบหน้าของโครงการ Digital wallet ว่าจะสามารถดำเนินการได้ตามเป้าหมายของรัฐบาลหรือไม่ 


ปัจจัยที่ 2) เรื่อง Geopolitics นั้นถือว่าเป็นปัจจัยที่จะสร้างความผันผวนให้กับตลาดการเงินเพิ่มขึ้นบางช่วงเวลา เนื่องจากมีโอกาสกระทบต่อเศรษฐกิจโดยผ่านทั้งทางเงินเฟ้อ หากความขัดแย้งกระทบต่อราคาพลังงานและอาหาร รวมถึงการขนส่งสินค้า หรือก่อให้เกิดสงครามด้านเศรษฐกิจที่ขยายวงกว้างขึ้น เช่น กรณี สหรัฐฯ-จีน โดยในปี 2567 ต้องติดตามท่าทีของจีนกับไต้หวันหลังการเลือกตั้งประธานาธิบดีเสร็จสมบูรณ์ (ผลกระทบต่อธุรกิจเซมิคอนดักเตอร์) และ การเลือกตั้งประธานาธิบดีของสหรัฐฯ ที่จะเกิดขึ้นในเดือน พ.ย. ซึ่งจะส่งผลต่อเนื่องต่อสงครามรัสเซีย-ยูเครนอีกด้วย


ปัจจัยสุดท้าย 3) ปัจจัยการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศและภัยธรรมชาติ ซึ่งคาดการณ์ยากแต่ไม่ควรมองข้าม


นายพิชัย เลิศสุพงศ์กิจ Chief Commercial Officer บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด กล่าวว่า “เมื่ออัตราดอกเบี้ยผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว ตราสารหนี้และทองคำให้ผลตอบแทนที่ดี ในขณะที่หุ้นยังมีความผันผวน ด้านการลงทุนในตลาดต่างประเทศที่นโยบายการเก็บภาษีสร้างความกังวลให้กับตลาด มองว่าการลงทุนในตลาดต่างประเทศยังมีความสำคัญ และเป็นทางเลือกให้กับนักลงทุน เนื่องจากมีสินทรัพย์ทางเลือกที่หลากหลายกว่า และโอกาสการลงทุนที่มากกว่า ในขณะที่ InnovestX เรามีแพลตฟอร์มรองรับให้นักลงทุนสามารถลงทุนได้ครบทุกสินทรัพย์ พร้อมกับการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง อาทิ ความร่วมมือกับ TradingView ที่ปัจจุบันนักลงทุนสามารถซื้อขายหุ้นไทยผ่านบัญชี InnovestX บนแพลตฟอร์ม TradingView ได้โดยตรง และจะสามารถซื้อขายสินทรัพย์อื่นๆ ได้ในอนาคตอันใกล้นี้ โดย InnovestX ยังคงเดินหน้าพัฒนานวัตกรรมการเงินการลงทุนแห่งอนาคตอย่างต่อเนื่อง เพื่อพัฒนาแพลตฟอร์มที่สามารถตอบโจทย์การลงทุนได้ในทุกสภาวะตลาด ขอให้นักลงทุนรอติดตาม”  


10 หุ้นเด่นในปี 2567 เน้นโฟกัสที่คุณภาพและการฟื้นตัวของผลประกอบการ โดยคาดว่าจะให้ผลตอบแทนที่ดี ได้แก่ 

(1.) AMATA ซึ่งได้ประโยชน์จากการย้ายฐานการผลิตและEECที่เพิ่มสูงขึ้น โดยจะมีแนวโน้มกำไรสูงขึ้น ราคาเป้าหมาย 29.10 บาท

(2.) BBL ได้รับอานิสงค์จากการลดอัตราดอกเบี้ย ราคาเป้าหมาย 210.00 บาท

(3.) BEM ลุ้นสรุป 3 โครงการใหญ่ในปี 2567 ราคาเป้าหมาย 9.00 บาท

(4.) BDMS ตลาดผู้ป่วยเติบโต รับผลดี Wellness Tourism ราคาเป้าหมาย 35.00 บาท

(5.) CPALL ได้ประโยชน์จาก Digital wallet และท่องเที่ยวฟื้นตัว ราคาเป้าหมาย 74.00 บาท

(6.) CRC รับผลบวก E-Refund และท่องเที่ยวฟื้นตัว ราคาเป้าหมาย 48.00 บาท

(7.) GULF กำไรดี กำลังการผลิตเติบโตต่อเนื่อง ราคาเป้าหมาย 63.00 บาท

(8.) OR ดิจิทัลวอลเล็ตกระตุ้นยอดขายธุรกิจ Lifestyle ราคาเป้าหมาย 27.00 บาท

(9.) SCC ช่วงขาลงจำกัด รอวงจรธุรกิจเคมีฟื้นตัว ราคาเป้าหมาย 357.00 บาท

(10.) SCGP เข้าสู่ปีแห่งการฟื้นตัว ราคาเป้าหมาย 51.00 บาท


#innovestX #INVX #การลงทุนปี2567