SET ปี 67 ลุ้นต่างชาติโยกเงินเข้าไทย จับตา 4 ปัจจัยท้าทายสร้างโอกาส - ความเสี่ยงตลาดทุนไทย ลุ้นเม็ดเงินลงทุนย้ายมาตลาดหุ้นไทย
.
นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยถึงมุมมองตลาดหลักทรัพย์ฯ ว่าในปีที่ผ่านมามีความท้าทายเข้ามากระทบเศรษฐกิจไทย ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของการขึ้นดอกเบี้ย ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ ดังนั้น ในปี 2567 คาดว่าจะมีการฟื้นตัวที่มากขึ้นกว่าที่ผ่านมา อาจส่งผลให้บริษัทจดทะเบียนสามารถทำกำไรได้มากขึ้น
นายศรพล ตุลยะเสถียร รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานวางแผนกลยุทธ์องค์กร ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ทางด้านธนาคารกลางแห่งประเทศไทยและสภาพัฒน์ฯ คาดการณ์ ปี 2567 เศรษฐกิจไทยเติบโตดีจากปัจจัยนโยบายเงินดิจิทัล โดยจะเติบโตถึง 3.8% ในกรณีที่ไม่มีนโยบายเงินดิจิทัลจะเติบโตเพียง 3.2% ทั้งนี้มองว่าปัจจัยบวกจากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจตัวนี้อาจสามารถดึงดูดเม็ดเงินลงทุนจากภาคเอกชนได้มากขึ้นอีกด้วย ขณะเดียวกันการส่งออกรอบนี้กลับมาดีขึ้นจากติดลบ
นอกจากนี้ ปี 2567 มีโอกาสที่เงินลงทุนเคลื่อนย้ายมาตลาดหุ้นในภูมิภาคอาเซียน โดยเฉพาะตลาดหุ้นไทย โดยมีปัจจัยบวกจากค่าเงินบาทที่มีแนวโน้มกลับมาแข็งค่าในระยะปานกลาง รวมไปถึงภาพรวมเศรษฐกิจไทยที่ฟื้นตัวสูงกว่าคาดการณ์ โดยนักวิเคราะห์มองว่า EPS Growth และ Forward P/E ในปี 2567 อยู่ในจุดที่น่าสนใจ ขณะที่มีหลายกลุ่มอุตสาหกรรมใน SET ที่มีคาดการณ์ EPS Growth สูงแต่มี valuation ที่ยังอยู่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีต
นายภากรณ์ กล่าวว่า “เปรียบได้ว่าคุณภาพของดีขึ้นในขณะที่ราคาถูกเท่าเดิม”
แต่อย่างไรก็ตาม ยังมี 4 ปัจจัยหลักที่สามารถสร้างโอกาสและความเสี่ยงต่อตลาดทุนไทย นั่นก็คือ
(1.) วงจรเศรษฐกิจโลก ในช่วงเศรษฐกินฟื้นตัวและช่วงถดถอย ซึ่งต้องรอติดตามในกรณีที่ตลาดเข้าสู่ช่วง Hard landing มักจะกระทบเศรษฐกิจในด้านการส่งออกและการท่องเที่ยว
(2.) อัตราดอกเบี้ยและเงินเฟ้อที่ต้องเตรียมรับมือในกรณีมีการขึ้นดอกเบี้ย รวมไปถึงสถานการณ์เงินเฟ้อที่อาจจะตามมา นอกจากนี้คือความคาดหวังของนักลงทุนที่อาจจะไม่ตรงกับผลสรุปของทาง FED นั่นเอง
(3.) ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ ที่ในเร็วๆนี้ จะมีเหตุการณ์สำคัญอย่างการเลือกตั้งในหลายๆประเทศสำคัญ เป็นต้น
(4.) กระแสความยั่งยืน (ความเสี่ยงด้านสภาพภูมิอากาศ) ที่ถือได้ว่าเป็นได้ทั้งโอกาสและความเสี่ยง
#SET #ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย