FETCO คาดปี 67 ความท้าทายผลักดันเศรษฐกิจไทยเติบโตดีสวนทางเศรษฐกิจโลก

FETCO คาดปี 67 ความท้าทายผลักดันเศรษฐกิจไทยเติบโตดีสวนทางเศรษฐกิจโลก เงินเฟ้อไทยไม่น่าเป็นห่วง ทั่วโลกทยอยลดดอกเบี้ย


คุณกอบศักดิ์ ภูตระกูล ประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย เผยถึง 4 ปัจจัยท้าทายระยะสั้นในปี 2567 มีดังนี้ (1) การชะลอตัวต่อเนื่องของเศรษกิจโลก คาดว่าในปี 2567 จะส่งผลให้เศรษฐกิจโลกต่ำสุด แต่ในขณะเดียวกัน ประเทศไทยจะกลับมาเติบโตดีขึ้น (2) วิกฤตอสังหาริมทรัพย์ของจีน ที่ส่งผลต่อภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศและระดับโลกอีกด้วย เนื่องจากทางประเทศจีนเริ่มส่งออกสินค้าออกนอกประเทศ โดยการเข้ามาตีตลาดในประเทศไทยและกดราคาสินค้าต่ำมากจนกระทบต่อผู้ประกอบการไทย (3) ความไม่แน่นอนจากปัญหาความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ (Geopolitics) ที่คาดว่าจะเริ่มขยายวงกว้างขึ้นอีก (4) ความผันผวนในตลาดการเงินโลกที่ขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง อย่างค่าเงินอาเจนตินาที่ถูกลดค่าเงิน 2 ครั้งในปี 2566 จากเดิม 180 เปโซอาร์เจนตินา ต่อ ดอลลาร์ ในปัจจุบันที่อยู่ในระดับ 812.2499 เปโซอาร์เจนตินา ต่อ ดอลลาร์ ซึ่งราคาในช่วงปกติมักจะอยู่ที่ 180 เปโซอาร์เจนตินา ต่อ ดอลลาร์ โดยในช่วงต้นปี 2566 เคยอยู่ในระดับ 1 เปโซอาร์เจนตินา ต่อ ดอลลาร์ แสดงให้เห็นถึงความล้มเหลวในการบริหารเศรฐกิจของประเทศ นอกจากนี้ยังมีค่าเงินประเทศลาวและการประกาศหยุดชำระหนี้รัฐบาลของประเทศเอธิโอเปียอีกด้วย


“ผมอยากให้ดูว่าในช่วงที่ดอกเบี้ยขึ้นสูงนั้นและเศรษฐกิจไม่ดี กลุ่มที่ฐานะอ่อนแอที่สุดก็จะล้มหายตายจากไป หรือไม่ก็ประสบปัญหาในรูปแบบนี้เกิดขึ้นเรื่อยๆ ก็คงต้องรอดูกันต่อไป”


เมื่อมองภาพรวมเศรษฐกิจไทยในปี 2567 คาดว่าจะเติบโตถึง 3 - 4% ขึ้นอยู่กับนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจจากทางภาครัฐจะไปในทิศทางไหน ทั้งยังมีปัจจัยท้าทาย แต่อย่างไรก็ตามการส่งออกของประเทศไทยก็กลับมาทรงตัวได้ รวมไปถึงการท่องเที่ยว แต่ภาคการผลิต ภาคอุตสาหกรรมกลับย่ำแย่ เนื่องจากถูกทดแทนจากสินค้าจีน 


นอกจากนี้ทางคุณกอบศักดิ์ยังกล่าวถึงเงินเฟ้อในประเทศไทยปัจจุบันอยู่ที่ -0.83 หากมองตัวเลขเงินเฟ้อพื้นฐานไทย (0.58)อยู่ในระดับที่นิ่งแสดงให้เห็นว่าไม่น่าเป็นห่วง ในส่วนของดอกเบี้ย ทางธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)  คงระดับดอกเบี้ยไว้ที่ 2.50% ตามที่ตลาดคาดการณ์


ทิ้งท้ายด้วย 4 ปัจจัยที่บริษัทควรคำนึงเพื่อความอยู่รอดในอีก 10 ปี ข้างหน้า

(1) การปรับตัวไปในทิศทางด้านเทคโนโลยี โดยแนะนำว่าให้วิเคราะห์ธุรกิจที่ชี้แจงแผนปรับตัวและมีการรับรู้ถึงเทคโนโลยีใหม่ๆที่เกิดขึ้นหรือไม่อีกด้วย เชื่อว่าการปรับตัวในด้านนี้เป็นตัวเลือกที่ดีต่อนักลงทุน

(2) การปรับตัวทางด้านเศรษฐกิจ ที่คาดว่าเศรษฐกิจเอเชียจะเริ่มกลับมาดีขึ้น เชื่อว่าเป็นศูนย์กลางหลักในการส่งออกในปี 2567 ผู้ส่งออกต่างชาติต้องหันมาพึ่งพาเอเชีย

(3) การปรับตัวเพื่อรับมือความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ (Geopolitics) ที่มีแนวโน้มจะขยายวงกว้างขึ้น 

(4) การปรับตัวกับสภาพภูมิอากาศ ไม่ว่าจะเป็นสภาวะโลกร้อนหรือแม้แต่มาตรการ CBAM จากทางยุโรปที่จะส่งผลใน 2 ปี โดยผู้ประกอบการที่ปล่อยคาร์บอนสูงก็จะจ่ายภาษีแพงและไม่มีอนาคต ส่วนกลุ่มที่ปล่อยคาร์บอนน้อยจ่ายภาษีถูกลงและมีโอกาสในการทำธุรกิจมากขึ้นนั่นเอง


#FETCO #ปี2567