อินโนเวสท์ เอกซ์ คาดการณ์ SET มีโอกาสขึ้นทดสอบบริเวณ 1400 จุด จากแรงหนุนกลุ่มพลังงาน หุ้นเด็ดได้แก่ GULF และ KCE

        บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ คาดการณ์ SET มีโอกาสขึ้นทดสอบบริเวณ 1400 จุด ด้วยแรงหนุนจากกลุ่มพลังงาน หลังราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นโดยแนวโน้มดัชนี หากขึ้นทะลุผ่านได้เป็นสัญญาณบวกต่อ โดยมีแนวต้านถัดไปที่ 1410 จุด ด้านแนวรับอยู่ที่ 1390 และ 1380 จุด ตามลำดับ เป็นจุดรองรับ ส่วนภาพรวม หากไม่ต่ำกว่า 1366 จุด มองดัชนียังอยู่ในทางขึ้นได้ต่อ


        ด้านกลยุทย์การลงทุนช่วงสั้นตลาดหุ้นโลกมีโอกาสปรับตัวขึ้นได้บ้าง จากมุมมอง Fed ที่ Dovish มากขึ้น (ดอกเบี้ยผ่านจุดสูงสุด และ Dot Plot บ่งชี้ดอกเบี้ยจะลดลง 75 bps มากกว่ารอบก่อนที่ 50 bps ขณะที่ประเมินเศรษฐกิจสหรัฐจะเติบโต 1.4% ในปี 2567) และอาจเริ่มเห็นการเปลี่ยนกลุ่มไปยังกลุ่มที่ยังปรับตัวขึ้นช้ากว่า ซึ่งอาจจะส่งผลบวกมายังตลาดหุ้นไทย อีกทั้งตลาดหุ้นไทยมีโอกาสได้รับเม็ดเงินลงทุนจากกองทุน TESG และ RMF ที่กำลังจะทยอยเข้ามาในช่วงโค้งสุดท้ายของปี 2566 หุ้นนี้วันนี้ได้แก่ GULF และ KCE โดย

       1) GULF เป็นหุ้นใน SETESG Index ที่ได้ Rating “AA” เราคงมุมมองบวกต่อแนวโน้มกำไรที่แข็งแกร่ง คาด 4Q66 กำไรโตต่อจากโรงไฟฟ้า IPP (GPD) อีก 1 หน่วยเริ่มดำเนินการใน ต.ค. และมีกำไรจาก Jackson Generation เพิ่มขึ้น ระยะสั้นได้ผลบวกจาก Div. Yield และต้นทุนก๊าซฯ ที่ลดลง

       2) KCE มองผลการดำเนินงานผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว คาด 4Q66 กำไรฟื้นตัวต่อเนื่อง จากสต๊อกของลูกค้าที่ยังค่อนข้างต่ำทำให้มีคำสั่งซื้อเข้ามาต่อ (คาดรายได้เติบโต 3-4% QoQ แม้เป็น Low Season) ขณะที่ต้นทุนราคาทองแดงอยู่ในระดับต่ำ และได้ประโยชน์จากต้นทุนค่าไฟฟ้าที่ลดลง


       นอกจากนี้ SET ยังอยู่ในบรรยากาศที่เน้นเลือกลงทุนในหุ้นที่มีปัจจัยเฉพาะตัว และมีโอกาสได้รับเม็ดเงินลงทุนในกองทุน TESG ที่กำลังจะทยอยเข้ามาในเดือน ธ.ค. นี้เป็นหลัก กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy”  ดังนี้

1) หุ้น Big Cap. (SET50) ที่คาดเป็นเป้าหมายการลงทุนจากแผนจัดตั้งกองทุน TESG ซึ่งเราได้คัดเลือกหุ้นที่อยู่ในดัชนี SETESG ที่มีคุณสมบัติน่าสนใจ ดังนี้ (I) ได้ ESG Rating ตั้งแต่ “A”-“AAA” และราคาหุ้นปรับตัวลงแรงกว่า SET YTD เลือก OR HMPRO AOT หรือ (II) ได้ ESG Rating “AAA” และราคาหุ้นปรับขึ้นดีกว่า SET YTD อีกทั้งผลดำเนินงานแข็งแกร่ง และคาดให้ Div. Yield สูงกว่าปีละ 5% เลือก PTT KTB

2) นักลงทุนระยะยาวแนะนำลงทุนแบบ Dollar-Cost-Average (DCA) หลัง SET ปรับลงจนความเสี่ยงลดลงไปมากและราคาหุ้นอยู่ในระดับ Undervalue มาก โดยเลือก BBL BDMS BEM CPALL PTT และ SCC ซึ่งเป็นหุ้น SET100 ซึ่งเป็นผู้นำในแต่ละอุตสาหกรรม และมี ESG Rating ระดับ AAA/AA, Valuation ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในรอบ 10 ปี และผลการดำเนินงานเติบโตต่อเนื่อง

3) 10 Top Picks in Yearbook 2024 ซึ่งเน้นหุ้นที่คาดเติบโตได้ดี อีกทั้งหวังได้อานิสงส์บวกจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนใหม่ ได้แก่ AMATA BBL BEM BDMS CPALL CRC GULF OR SCC SCGP


       ช่วงสั้นแนะนำระมัดระวังหุ้นที่คาดได้รับผลกระทบอย่างมีนัยจากแผนปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำซึ่งคาดจะมีการเสนอ ครม. พิจารณาภายในวันท่ 25 ธ.ค. นี้ ได้แก่ กลุ่มขนส่งพัสดุ (KEX) กลุ่มอาหาร (CPF ZEN GFPT TU) กลุ่มอสังหาฯ (LPN PSH) และกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ (HANA) ขณะที่ระยะกลางแนะนำระมัดระวังหุ้นที่คาดได้รับผลกระทบจากภาวะเอลนีโญที่จะกระทบต่อกำลังซื้อภาคเกษตรลดลง  ได้แก่ กลุ่มสินเชื่อ (MTC SAWAD) กลุ่มยานยนต์ (SAT STANLY) กลุ่มเครื่องดื่ม (CBG จากราคาน้ำตาลที่สูงขึ้น) รวมถึงกลุ่มเกษตรและอาหาร (CPF GFPT BTG



#สรุปภาวะการลงทุน #SET #StockReview #BusinessLineandLife #ข่าวการลงทุน #ข่าวหุ้น #สรุปสภาวะตลาด #อินโนเวสท์เอกซ์ #InnovestX