เอเชียพลัสชี้การเหวี่ยงขึ้นของ SET INDEX ยังไม่จบถึงสิ้นปี มีโอกาสทะลุ 1400 จุด หุ้นเด็ดได้แก่ INTUCH, TISCO และ SIRI

          บริษัทหลักทรัพย์เอเชียพลัสชี้บรรยากาศการซื้อขายในตลาดหุ้นบ้านเราวานนี้จะค่อนข้างซบเซา แต่ยัง เชื่อว่า MOMENTUM ในการเวี่ยงตัวขึ้นของ SET INDEX ยังไม่จบ เนื่องจากปัจจัยแวดล้อมยังเอื้อต่อการที่จะมีเม็ดเงินที่เพิ่มเข้ามามากขึ้นจากทั้งสถาบันใ ประเทศตามแรงซื้อ THAILAND ESG FUND และนักลงทุนต่างชาติที่ UNDERWEIGHT ตลาดหุ้นไทยมากเกินควร บวกเงินบาทที่อยู่ในทิศทางแข็งค่า ส่วนประเด็นที่อยู่ในความสนใจวันนี้เป็นการประชุม ครม. ซึ่งคาดหวังว่าจะเห็นผลสรุปสำคัญไม่ว่าจะเป็นค่าแรงขั้นต่ำ , อัตราค่าไฟฟ้า รวมถึงแนวทางในการ จัดการกับราคาน้ำมันขายปลีกในประเทศ 


          ด้านประเด็นความเสี่ยงมาจากสถานการณ์สืบเนื่องของสงครามอิสราเอล-ฮามาส ซึ่งได้ขยายความตึงเครียดมาสู่บริเวณทะเลแดง กระทบการเดินเรือขนส่งสินค้าในบริเวณดังกล่าว รวมถึงราคาน้ำมัน แต่อย่างไรก็ตามเรายังเห็นว่ามีผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทย และ อุตสาหกรรม LOGISTIC ไม่มาก เชื่อว่า MOMENTUM ในการเหวี่ยงขึ้นของ SET INDEX ยังไม่จบ จนถึงสิ้นปีมี โอกาสที่จะทะลุ 1400 จุดขึ้นไปได้ ประเมินวันนี้วิ่งในกรอบ 1385 – 1400 จุด หุ้นเด็ดได้แก่ INTUCH, TISCO และ SIRI


          ด้านการบริโภคภาคเอกชนที่ขยายตัวเด่น เฉพาะอย่างยิ่งภาคบริการ บวกกับภาคการท่องเที่ยวฟื้นตัวต่อเนื่อง เป็นแรงส่งสำคัญต่อแนวโน้มการเติบโตของเศรษฐกิจไทยทั้งในปีนี้และปีหน้า โดย BLOOMBERG คาด GDP GROWTH บ้านเราตลอดทั้งปี 2567 +3.5% YOY โดยโตเด่นกว่ากลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว อาทิ US +1.2%, ยุโรป +0.6%, ญี่ปุ่น +0.8% เป็นต้น ขณะที่การเติบโตของภาพรวมเศรษฐไทยรายไตรมาสในหน้า ประเมินว่าจะโตราว 2.9 – 3.8% YOY ซึ่งสูงกว่าหลายประเทศในกลุ่ม DEVELOPED ECONOMIC ที่ขยายตัวราว 0.1 –2.0% YOY


          นอกจากนี้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ ของไทย ที่ทยอยออกมานับตั้งแต่ช่วงเดือน ก.ย. ยังเป็นปัจจัยหนุนสัญต่อการขยายตัวของภาพรวมเศรษฐกิจบ้ายเรา ขณะที่ระยะ ถัดไปยังมีอีกหลายมาตรการที่จะเข้ามากระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม อาทิ พักหนี้ เกษตรกร 3 ปี, แก้ปัญหาหนี้ในและนอกระบบ, E-REFUND, DIGITAL WALLET 10,000 บาท, ค่าแรงขั้นต่ำ 400 บาท/วัน ลดราคาสินค้ากว่า 20 รายการ เป็นต้น


          อย่างไรก็ตาม แม้นโยบายในบางข้ออาจจะยังมีความเสี่ยงว่าไม่สามารถดำเนินการตาม แผนได้ในปีหนี้ หรือเงื่อนไขอาจเปลี่ยนไป เนื่องด้วยข้อจำกัดบางประการ อาทิ โครงการ DIGITAL WALLET, ค่าแรงขั้นต่ำ 400 บาท เป็นต้น แต่เชื่อว่าจะเป็นแรงกดต่อภาพรวม ไม่มากนัก โดย ธปท. ประเมินว่าโครงการ DITIAL WALLET จะช่วยให้ GDP ไทย ปรับตัวสูงขึ้นราว 0.6% (GDP ไทยปี 67 หากไม่มี DW +3.2%, มี DW +3.8%)


          GDP GROWTH บ้านเราตลอดทั้งปี 2567 รวมถึงรายไตรมาส มีแนวโน้มโตเด่น กว่าหลายประเทศในกลุ่ม DEVELOPED ECONOMIC นอกจากนี้บ้านเรายังได้รับแรง หนุนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ ของไทย ที่ทยอยออกมานับตั้งแต่ช่วงเดือน ก.ย. และต่อเนื่องไปจนถึงปีหน้า ทำให้ภาพใหญ่ในระยะถัดไปดูดีขึ้นต่อเนื่อง


          มูลค่าซื้อขายหุ้นไทยเบาบางลงเรื่อยๆ จนเดือนนี้เหลือมูลค่าซื้อขายเฉลี่ยเพียง 3.7 หมื่นล้านบาท (คิดเป็น TURNOVER ต่อปี 54%) และต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในปีนี้ที่ 5.2 หมื่น ล้านบาท ส่งผลให้ตลาดหลักทรัพย์ฯ ปรับลดเกณฑ์คัดกรองหุ้นเข้าออกดัชนีSET50, SET100 รอบ 1H67 ให้เหมาะสมกับพฤติกรรมการลงทุนที่เปลี่ยนแปลงไป โดยการลดเกณฑ์ สภาพคล่องให้น้อยกว่าปกติ เพื่อช่วยให้หุ้นใหญ่ที่เป็นฐานโครงสร้างตลาดหุ้นอยู่ใน ดัชนีต่อ หนุนให้ดัชนีมีเสถียรภาพ และสอดคล้องกับสภาวะตลาดหุ้นณ ปัจจุบัน


          ด้านกลยุทธ์การลงทุนธีมนี้ แนะนำเก็งกำไรหุ้นที่มี POSITIVE SUPRISE จากธีมนี้ คือ  • หุ้นขนาดใหญ่ไม่หลุด SET50 -> DELTA, INTUCH, TLI  • หุ้นสภาพคล่องต่ำแต่พลิกกลับขึ้นมาติด SET100 -> AEONTS, M, TOA   โดยหุ้นที่ฝ่ายวิจัยฯ ชื่นชอบ คือ INTUCH เนื่องจากราคา INTUCH (-10.68%YTD) LAGGARD หุ้นลูก อย่าง ADVANC (+11.79%YTD) ถึง 22.47%YTD M ราคาปัจจุบัน 39 บาท ย่อตัวลงมา -33.6%YTD จนราคาต่ำความราคา IPO ที่ 49 บาท แต่ไตรมาส 4 มักจะเป็น HIGHT SEASON ของปี น่าจะเป็นแรงหนุนอีกแรง



#สรุปภาวะการลงทุน #SET #StockReview #BusinessLineandLife #ข่าวการลงทุน #ข่าวหุ้น #สรุปสภาวะตลาด #เอเชียพลัส