TISCO ESU ประเมินภาพรวมตลาดหุ้นโลกและทิศทางเศรษฐกิจไทยปี 67

ทิศทางเศรษฐกิจไทยปี 2567

    ถ้าให้พูดถึงเศรษฐกิจไทยในปีหน้านั้น  เราคิดว่าภาพรวมของปีหน้ารยังคาดหวังภาพรวมที่ดีขึ้น ถ้ามองในแง่ของตัวเลข GDP ขยายตัวประมาณ 3.5% โดยเราคิดว่าปีหน้าเรื่องของการส่งออกสินค้าและการใช้จ่ายภาพลักษณ์น่าจะสามารถกลับมาเป็นปัจจัยช่วยหนุนเศรษฐกิจได้ ฉะนั้นมันจะทำให้ทุกองค์ประกอบ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการบริโภค เรื่องการท่องเที่ยว ทั้งนี้อย่างที่กล่าวไปคือการส่งออกสินค้าและการใช้จ่ายภาครัฐกลับมาช่วยหนุนเศรษฐกิจได้อีกครั้ง 


เศรษฐกิจจีนส่งผลต่อเศรษฐกิจไทยอย่างไร

    ถ้าพูดถึงเศรษฐกิจจีนนะครับ เนื่องจากเขามีประเด็นอยู่ ในเรื่องของ ภาคอสังหาริมทรัพย์อย่างที่เราทราบกันถึงความเชื่อมั่นของผู้ซื้อที่กลัวว่าทางบ้านที่เราซื้อไป ตัวผู้ประกอบการจะสามารถสร้างได้เสร็จหรือเปล่า ฉะนั้นสิ่งที่มันสะท้อนกลับมาก็คือเรื่องของการส่งออก ที่ทำให้เราคิดว่าน่าจะไม่ได้ขยายตัวสูงมากนักโดยเฉลี่ย จึงมองการส่งออกของไทยโตประมาณ 5% ครับ


การท่องเที่ยวไทยกับปริมาณนักท่องเที่ยวจีนที่ลดลงส่งผลอย่างไร

    ภาคการท่องเที่ยวจริงๆในแง่ตัวเลข เราคิดว่าอย่างไรก็จะต้องดีขึ้นจากปีนี้  ปีนี้เรามองประมาณ 28 ล้านคน ปีหน้าเรามองประมาณ 35 ล้านคน ซึ่งนักท่องเที่ยวจีนที่อยู่ในนั้นประมาณราวๆ 5 ล้านคน ที่เราประเมินไม่ได้มองว่าการท่องเที่ยวจะมีการกลับมาที่รวดเร็วมากนัก เพราะว่าส่วนหนึ่งได้รับผลกระทบจากความตกใจที่มีเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงตอนต้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมา คิดว่าคงเป็นการกลับมาอย่างช้าๆ แต่ว่าโดยภาพรวมก็ยังทำให้เรื่องของภาคการท่องเที่ยวเนี่ยเป็นหนึ่งในปัจจัยหลักที่ช่วยพยุงเศรษฐกิจได้ แม้ในเรื่องของตัวเลขที่อาจจะช่วยได้น้อยลงนะครับ


ภาพรวมการลงทุนของตลาดโลก

    ตลาดโลกเรามองว่าปีหน้า ตลาดหุ้นอาจจะยังไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เพราะว่าหนึ่งคอลเลคชั่นมันยังดูแพงอยู่เมื่อเทียบกับ Bond Yield ที่ขึ้นมาสูง ภาวะเศรษฐกิจปีหน้า GDP Growth ของโลกน่าจะเห็นชะลอตัวลง จากการคาดการณ์ผลกำไรของปีหน้าน่าจะอยู่ในเทรนที่ปรับลดลงอยู่ เพราะฉะนั้นตลาดหุ้นยังคงโดนกดดันอยู่ที่ 2 ปัจจัยนี้ แต่ที่เราแนะนำลงทุนน่าจะเป็นตลาดพันธบัตรในสหรัฐฯนะครับ ที่ในตอนนี้ Bond Yield มันขึ้นมาค่อนข้างสูง 10 ปี สหรัฐฯอยู่ที่ 4% กลางๆ ผมมองว่าเป็นจุดที่น่าสนใจจะกลับเข้าไปลงทุน ถ้าเรามองในปีหน้า FED จะลดดอกเบี้ย  Bond Yield มีแนวโน้มเป็นขาลง พันธบัตรก็จะมี Up Size จากตัว Capital Gain เพิ่มขึ้นด้วย คิดว่าปีหน้าจะเป็นปีที่พันธบัตรให้ผลตอบแทนดีกว่าตลาดหุ้น


ประเด็นสำคัญต่อตลาดที่ต้องจับตามองในปี 2567

    ประเด็นหลักๆต้นปีก็จะมีการเลือกตั้งในไต้หวัน  ซึ่งก็อาจจะมีการพลิกขั้วเป็นรัฐบาลใหม่ อาจจะมีความสัมพันธ์กับจีนที่อาจจะดีมากขึ้น แล้วก็ปลายปีก็จะมีเลือกตั้งสหรัฐฯเป็นตัวที่กำหนดความสัมพันธ์ของโลก ความขัดแย้งกันระหว่างสหรัฐฯกับจีนเนี่ย ต้องไล่มาตั้งแต่ไต้หวันผลการเลือกตั้งจะเป็นยังไง แล้วสหรัฐฯ จะมีการพลิกขั้วจาก Democratic เป็น Republican หรือเปล่า เพราะฉะนั้นมันก็มี Plication หลายอย่าง ว่าทางสหรัฐฯพลิกเป็น  Republican เป็นรัฐบาลจริงๆ 1. มันก็อาจจะทำให้การใช้จ่ายภาครัฐลดลงนะครับ ปริมาณการออก Bond อาจจะลดลง แล้วก็ Bond Yield เห็นเป็นขาลงที่ชัดเจนขึ้น  2. แต่ว่าถ้าเป็น  Republican เรื่องความสัมพันธ์ ความขัดแย้งของประเทศ ก็อาจจะเป็นปัญหามากขึ้นอาจจะเป็นความขัดแย้งที่รุนแรง โดยเฉพาะถ้าไต้หวันเปลี่ยนขั้วไปอยู่ข้างจีนมากขึ้น ความสัมพันธ์ในโลกเรื่อง Geopolitica ก็อาจถูกจับตามองอีกครั้งหนึ่งในปีหน้า


กลุ่มหุ้นที่น่าสนใจและต้องเฝ้าระวังในปี 2567 

    ถ้าดูเป็น Sector ในแง่ Global เรามองว่า Sector ที่เป็น Defensive นะครับอย่าง Sector ที่ผลประกอบการมันไม่ได้ผันผวนไปตามเศรษฐกิจมากนัก  เพราะเรามองปีหน้าเศรษฐกิจไม่ได้ดีมาก Sector อย่างพวก Healthcare หรือว่าอย่างพวก Utility อย่างพวก Greater ที่ผลตอบแทนค่อนข้างจะชัดเจนน่าสนใจของ Sector ที่มันผันผวนมาก

ผมขอเสริมในส่วนปัจจัยของประเทศบ้าง  เพราะหลักๆผมคิดว่าเป็นในส่วนของภาครัฐ เราคิดว่าเป็นตัวแปรสำคัญเลยที่อาจจะทำให้ตัวเลขขยับตัวได้ดีกว่าที่ประมาณไว้ก็ได้ เพราะว่า GDP 3.5% ของเรายังไม่ได้รวมมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ และในเรื่องของตัวแปรสำคัญจากภาครัฐ อย่างแรกที่เราเรียนก็คือเรื่องของตัวงบประมาณที่ตอนนี้รอลุ้นอยู่ ถ้าเกิดสามารถอนุมัติร่างได้เร็วขึ้น เม็ดเงินมันก็จะกลับมาได้เร็วขึ้นเฉพาะในเรื่องของงบ ในขณะที่ตัวมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจก็อย่างที่เรียนว่าให้รอลุ้น ถ้าเกิดสุดท้ายสามารถผลักดันได้จริง ก็จะสามารถช่วยให้ตัวเลขมีโอกาสโตได้เกินกว่า 4% ก็มีความเป็นไปได้

#StockReview #BusinessLineandLife #ข่าวเศรษฐกิจ #เศรษฐกิจโลก