“EASTW” ปี 67 ตั้งงบลงทุน 3,000 ล้านบาท ลุยขยายกิจการน้ำประปา

อีสท์ วอเตอร์ ปี 67 ตั้งงบลงทุนสามพันล้าน คาดรายได้โต 5% ลุยขยายกิจการน้ำประปาและน้ำสำหรับอุตสาหกรรม ส่วนหุ้นกู้ขายหมดเกลี้ยง สะท้อนความมั่นใจในตลาด แต่ถูก TRIS หั่นเครดิตจาก “Aบวก” เป็น “A”

.นายเชิดชาย ปิติวัชรากุล กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท จัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก จำกัด (มหาชน) หรือ อีสท์ วอเตอร์ กล่าวว่าภายในปี 2566 ได้ตั้งเป้ายอดขายน้ำไว้ประมาณ 260 - 290 ล้านลูกบาศก์เมตร โดยยอดขายปัจจุบันใกล้เคียงกับยอดที่ตั้งไว้ โดยรายได้ปี 2566 เทียบกับ 2566 เพิ่มขึ้นเล็กน้อย สัดส่วนของรายได้มาจากน้ำดิบ น้ำประปา และน้ำอุตสาหกรรม ตามลำดับ 650% และ 5%

ทั้งนี้ งบการลงทุนที่ผ่านมา ในปี 2566 ประมาณ 5 - 6 พันล้านบาท และในปี 2567 ได้ตั้งงบประมาณในการลงทุนไว้ที่ 3 พันล้านบาท เพื่อรองรับแผนขยายกิจการน้ำประปาและน้ำสำหรับอุตสาหกรรมนั่นเอง 

นอกจากนี้ การขยายความร่วมมือกับภาคส่วนต่างๆ เพื่อสร้างความมั่นคงด้านน้ำในพื้นที่ภาคตะวันออก โดยในปี 2566 ลงนามสัญญาซื้อขายน้ำดิบ 2 โครงการ กับ บริษัท ซีจี คอร์เปอเรชั่น จำกัด ในโครงการนิคม อุตสาหกรรมซีพีจีซี (CPGC) จ.ระยอง และบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ในฐานะผู้พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและระบบสาธารณูปโภค เพื่อใช้ในพื้นที่โครงการวังจันทร์วัลเลย์ จ.ระยอง รวมถึงลงนามสัญญาซื้อขายน้ำอุตสาหกรรม 2 โครงการ กับบริษัท ซิน เคอ หยวน จำกัด ผู้ผลิตเหล็กรายใหญ่ในจังหวัดระยอง และ บริษัท อมตะ วอเตอร์ จำกัด ให้บริการนำอุตสาหกรรมแก่นิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ระยอง 2

สำหรับหุ้นกู้ EASTW มูลค่ารวม 2,900 ล้านบาท ได้ดำเนินการขายในวันที่ 12 ตุลาคม 2566 ที่ผ่านมา และมีแผนจะออกหุ้นกู้ชุดใหม่ในระยะเวลาอันใกล้ตามความต้องการของนักลงทุน โดยวัตถุประสงค์การออกหุ้นกู้ครั้งนี้ จะนำไปใช้ในโครงการระบบท่อส่งน้ำ ธุรกิจน้ำดิบ และธุรกิจน้ำอุตสาหกรรมนั่นเอง

อย่างไรก็ตาม ทางทริสเรทติ้งได้ทำการลดอันดับเครดิตองค์กร และหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันชุดปัจจุบันเป็นระดับ "A" พร้อมแนวโน้มอันดับเครดิต "Stable" หรือ "คงที่" จากเดิมที่ระดับ "A+" และแนวโน้มอันดับเครดิต "Negative" หรือ "ลบ" จาก 2 ปัจจัยหลัก 1. ไม่สามารถต่อสัญญาเช่าระบบท่อส่งน้ำของกรมธนารักษ์ได้ 2. ลงทุนพัฒนาระบบท่อส่งน้ำทดแทนของกรมธนารักษ์ ทั้งนี้การลงทุนวางท่อส่งน้ำทดแทนเป็นสิ่งที่อีสท์ วอเตอร์มุ่งมั่นที่จะพัฒนาศักยภาพท่อส่งน้ำสายหลัก ให้กลับเป็น Water Grid ที่สมบูรณ์และสามารถบรรเทาปัญหาภัยแล้งอย่างยั่งยืนได้มีประสิทธิภาพมากกว่าเดิม 

ในส่วนของความคืบหน้าโครงการก่อสร้างท่อส่งน้ำสายหลักทดแทน ท่อส่งน้ำเดิม ซึ่งการวางท่อส่งน้ำทั้ง 3 โครงการจะเร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จในระยะเวลากันใกล้ เพื่อให้ส่งผลกระทบกับผู้ใช้น้ำของอีสท์ วอเตอร์น้อยที่สุด หากก่อสร้างแล้วเสร็จความยาวของท่อส่งน้ำสายหลักประมาณ 526 กม. ครอบคลุมพื้นที่ 3 จังหวัด คือระยอง ชลบุรี และฉะเชิงเทรา และยังมีแผนพัฒนาศักยภาพการสูบส่งน้ำไปยังพื้นที่อื่นๆ อีกด้วย โดยมีความคืบหน้าโครงการ ดังนี้

1. โครงการท่อส่งน้ำดิบหนองปลาไหล - หนองค้อ - แหลมฉบัง ในพื้นที่จังหวัดระยอง และจังหวัดชลบุรี สามารถรองรับการส่งน้ำได้ 350,000 ลบ/วัน มากกว่าเดิม ทำให้ส่งน้ำไปให้พื้นที่ชลบุรี ได้อย่างเพียงพอ เพื่อรองรับความ ต้องการน้ำที่เพิ่มขึ้นหรือในกรณีเกิดภัยแล้ง เพื่อแก้ปัญหาภัยแล้งอย่างยังยืน ความยาวกว่า 57.1 กิโลเมตร โดยเชื่อมต่อกับท่อส่งน้ำสสายหลักประแสร์ - หนองปลาไหลเดิมของอีสท์ วอเตอร์

2. โครงการก่อสร้างท่อส่งน้ำดิบคลองหลวง จังหวัดชลบุรี เพื่อเพิ่มศักยภาพในการผันน้ำจากอ่างเก็บน้ำคลองหลวงรัชชโลทรมายังอ่างเก็บน้ำหนองค้อ แทนการผันน้ำผ่านคลองพานทอง ความยาวกว่า 49 กิโลเมตร โดยเชื่อมต่อจากท่อ ส่งน้ำสายหลักปลวกแดง - บ่อวิน ความคืบหน้าโครงการวางท่อแล้วเสร็จ 42 กิโลเมตร ในส่วนที่เหลืออีก 7 กิโลเมตรอยู่ระหว่างการขออนุญาตให้วางท่อในพื้นที่ของกรมธนารักษ์ ซึ่ง อีสท์ วอเตอร์พร้อมดำเนินการ

3. โครงการก่อสร้างท่อส่งน้ำดิบมาบตาพุต-สัตหีบ จังหวัดชลบุรี เพิ่มศักยภาพในการส่งน้ำให้แก่ภาคอุปโภค บริโภคและท่าอากาศยานนานาชาติอู่ตะเภา ความยาวกว่า 27 กิโลเมตร โดยเชื่อมต่อระบบท่อส่งน้ำหนองปลาไหล-มาบตา พุต เส้นที่ 2

ทั้งนี้ยั้งกล่าวถึงความน่ากังวลของจังหวัดชลบุรี ที่มีระดับน้ำน่าเป็นห่วง ซึ่งเป็นจุดที่ต้องจับตามองในปี 2567 อีกต่อไปด้วย

#EASTWATER #EASTW 

#StockReview #BusinessLineandLife #ข่าวธุรกิจ #ข่าวประจำวัน