ETL เปิดเทรดวันแรกที่ 1.35 บาท ต่ำจอง 0.33 จากราคา IPO 1.68 บาท

ETL เปิดเทรดวันแรกที่ 1.35 บาท ต่ำจอง 0.33 จากราคา IPO 1.68 บาท เดินหน้าขยายขีดความสามารถในการให้บริการ ตอกย้ำการเป็น THE CROSS-BORDER KING

นางสาวกฤชวรรณ ซื้อเจริญชัย กรรมการผู้จัดการบริษัท ยูโรเอเชีย โทเทิล โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ ETL เผยว่า บริษัทฯ ได้นำหุ้นเข้าซื้อขายเป็นวันแรก ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หมวดธุรกิจขนส่งและโลจิสติกส์ ในราคา 1.35 บาท ลดลง 19.64% ลดลง 0.33 บาท จากราคาไอพีโอ 1.68 บาทโดยใช้ชื่อย่อ 'ETL' ในการซื้อขายหลักทรัพย์ 

บริษัทฯ วางแผนนำเงินที่ได้จากการ IPO ภายหลังหักค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องไปขยายธุรกิจ โดยมุ่งหวังสู่การเป็น ผู้ให้บริการโลจิสติกส์ที่ครอบคลุมและยืดหยุ่น เพื่อความพึงพอใจของลูกค้าด้วยกลยุทธ์ที่ชาญฉลาด โดยแบ่งเป็น 3 ส่วน 1.) ใช้สำหรับการขยายธุรกิจจำนวน 70% เพื่อลงทุนในยานพาหนะ ได้แก่ รถลากจูงและหางพ่วงเพื่อขยายกำลังการขนส่ง, ลงทุนใน ตู้คอนเทนเนอร์แบบควบคุมอุณหภูมิ และตู้แบบมาตรฐาน , ลงทุนในลานตู้คอนเทนเนอร์เพื่อจัดเก็บตู้คอนเทนเนอร์ จอดยานพาหนะ รวมถึงซ่อมแซมและบำรุงรักษาสินทรัพย์ของกลุ่มบริษัทฯ และลงทุนระบบการบริหารจัดการการขนส่งรองรับการให้บริการที่เพิ่มมากขึ้น 2.) ชำระคืนเจ้านนี้และเงินกู้ยืม จำนวน 20% ได้แก่ ชำระคืนเจ้าหนี้ค่าซื้อกิจการ จากการเข้าซื้อธุรกิจในปี 2564 และชำระคืนเงินกู้ยืมให้กับสถาบันการเงิน เพื่อลดภาระต้นทุนทางการเงินและ 3.) ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนสำหรับการดำเนินธุรกิจ จำนวน 10% รองรับการขยายตัวของบริษัทฯ

การขยายธุรกิจในครั้งนี้ นับเป็นโอกาสสำคัญที่จะทำให้บริษัทฯ เติบโตอย่าง ก้าวกระโดดในอนาคต ด้วยแผนขยายงาน ได้แก่ การขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่มใหม่ๆ เพื่อต่อยอดการเติบโต โดยเฉพาะกลุ่ม สินค้าผลไม้ ยาและเวชภัณฑ์ ซึ่งเป็นกลุ่มสินค้าที่มีอายุการใช้งานที่จำกัด จึงต้องการการขนส่งที่มีประสิทธิภาพ น่าเชื่อถือ และระยะเวลาการขนส่งที่แน่นอน โดยบริษัทฯ สามารถให้บริการการขนส่งที่มีความปลอดภัย ภายใต้คุณภาพ ตอบโจทย์ความ ต้องการของลูกค้าได้ การเพิ่มจำนวนยานพาหนะเพื่อรองรับการเติบโตในอนาคต ด้วยประสบการณ์และฐานลูกค้าที่มีในมือรวมถึงโอกาสธุรกิจในอนาคต จึงมีแผนขยายจำนวนรถลากจูงและรถกึ่งพ่วง รวมถึงการขยายการลงทุนตู้คอนเทนเนอร์ควบคุม อุณหภูมิ (Reefer Container) เพื่อตอบสนองความต้องการลูกค้า พร้อมจัดทำโครงสร้างพื้นฐานเชื่อมโยงระบบโลจิสติกส์ แบบควบคุมอุณหภูมิ (Cold Chain) ซึ่งเป็นการเพิ่มมูลค่าของการให้บริการ และยกระดับคุณภาพ โดยมุ่งเน้นการรักษาสินค้าให้คง คุณภาพเดิมจนถึงมือผู้รับปลายทาง

ทั้งนี้ ETL มีศักยภาพเติบโตโดดเด่น จากแผนธุรกิจเน้นสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับการขนส่งสินค้า ด้วยการขยายไปยังระบบโลจิสติกส์แบบควบคุมอุณหภูมิ (Reefer Container) เพราะเมื่ออ้างจากตัวเลขบทวิเคราะห์มูลค่าการส่งออกสินค้าเกษตรและอาหารมีมูลค่ากว่า 2 แสนล้านบาท ทำให้เห็นถึงโอกาสความต้องการการขนส่งสินค้าที่ควบคุมอุณหภูมิ เช่น ผลไม้สดและผลไม้แช่เย็น ที่เป็นสินค้าส่งออกสำคัญของไทยไปยังตลาดหลักคือ ประเทศจีน ซึ่งเป็นกลุ่มประเทศที่ ETL มีเครือข่ายและทำ ธุรกิจอยู่แล้ว ทำให้ ETL มองเห็นโอกาสที่จะเติบโตอย่างมหาศาลไม่ใช่เพียงแค่ 3-5 ปี แต่จะต่อเนื่องในระยะยาว ถือเป็นข้อแตกต่างเมื่อเทียบกับบริษัทในอุตสาหกรรมเดียวกัน

#ETL #IPO #SET #StockReview #BusinessLineandLife #ข่าวหุ้น #ข่าวประจำวัน