SCG เผยผลประกอบการ Q3/66 ชะลอตัวเศรษฐกิจภูมิภาคยังไม่ฟื้น

SCG เผยผลประกอบการ Q3/66 เศรษฐกิจชะลอตัว ปิโตรเคมีลดลง ส่งออกหดตัว ดอกเบี้ยสูงขึ้น

นายรุ่งโรจน์ รังสิโยภาส กรรมการผู้จัดการใหญ่ เอสซีจี  แถลงผลประกอบการ ไตรมาส 3 ปี 2566 ชะลอตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อน และลดลงจากช่วงครึ่งปีแรก เนื่องจากเศรษฐกิจภูมิภาคยังไม่ฟื้นตัว มีรายได้ 125,649 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 12 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน สาเหตุหลักจากยอดขายที่ลดลงของทุกกลุ่มธุรกิจ ประกอบกับธุรกิจเคมิคอลส์อยู่ในช่วงขาลง และสภาวะเศรษฐกิจในภูมิภาคยังไม่ฟื้นตัว ขณะที่กำไรสำหรับงวด 2,441 ล้านบาท และกำไรจากการดำเนินงาน 3,019 ล้านบาท โดยเพิ่มขึ้นร้อยละ 26 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีเงินสดคงเหลือแข็งแกร่ง 99,756 ล้านบาท

สำหรับไตรมาส 4 เศรษฐกิจอาเซียนมีแนวโน้มดีขึ้น โดยเฉพาะอินโดนีเซียที่จะมีการลงทุนและการบริโภคเพิ่มขึ้นจากการก่อสร้างเมืองหลวงใหม่ “นูซันตารา” คาดการณ์ว่าจะฟื้นตัวดีขึ้นจากภาคอสังหาริมทรัพย์และภาคการค้าในเมืองท่องเที่ยว ซึ่งได้รับอานิสงส์จากนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น รวมทั้งค่าไฟฟ้าและราคาน้ำมันดีเซลอาจปรับตัวลง ทำให้ควบคุมต้นทุนพลังงานได้ดีขึ้น”

นายธรรมศักดิ์ เศรษฐอุดม รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ เอสซีจี เผย เศรษฐกิจโลกยังมีความไม่แน่นอนสูง จากต้นทุนพลังงานผันผวน ต้นทุนวัตถุดิบพุ่งสูง ตลาดจีนชะลอตัว ธุรกิจปิโตรเคมียังไม่ฟื้นตัวดี ผนวกกับการขึ้นอัตราดอกเบี้ย เงินเฟ้อสูง ตลอดจนความขัดแย้งในตะวันออกกลาง และความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-ยูเครน ที่ยังดำเนินอยู่ เอสซีจีจึงเร่งเดินหน้า 3 กลยุทธ์เข้มข้นขึ้น เพื่อให้ธุรกิจดำเนินได้ต่อเนื่อง

นายธนวงษ์ อารีรัชชกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทเอสซีจี เคมิคอลส์ จำกัด (มหาชน) เผย SCGC มียอดขายเพิ่มขึ้น เนื่องจากปริมาณขายเพิ่มขึ้น ปัจจุบัน SCGC GREEN POLYMERTM  มียอดขาย 170,000 ตัน สอดคล้องกับเป้าหมายผลิต 1 ล้านตัน ภายในปี 2573 ล่าสุดจัดตั้งบริษัท บราสเคม สยาม จำกัด เป็นบริษัทร่วมทุนกับกลุ่มบริษัท Braskem ประเทศบราซิล อยู่ระหว่างการพัฒนาและศึกษาโครงการ ขณะเดียวกัน บริษัทซีพลาสต์ (Sirplaste) ประเทศโปรตุเกส ได้ดำเนินการติดตั้งเครื่องจักรใหม่สำเร็จตามแผน การผลิตเม็ดพลาสติกรีไซเคิลคุณภาพสูงรวม 45,000 ตันต่อปี ด้านโครงการ ปิโตรเคมีครบวงจร LSP เวียดนาม ขณะนี้อยู่ระหว่างการก่อสร้าง และเตรียมทดสอบเครื่องจักร

นายนิธิ ภัทรโชค กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธุรกิจซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง เอสซีจี กล่าวว่า  “นวัตกรรมโซลูชันก่อสร้างและอยู่อาศัยที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมเติบโตต่อเนื่อง โดยเฉพาะปูนคาร์บอนต่ำ โดยประเทศไทยมีสัดส่วนการใช้เพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 69 เอสซีจีจึงได้เร่งปรับการผลิตและขยายการส่งออก ส่วน SCG Solar Roof Solutions มียอดขายเพิ่มขึ้น 3 เท่าเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ในขณะที่ SCG HOME เปิดศูนย์กระจายสินค้าหลัก ที่รังสิต มีระบบเชื่อมต่อศูนย์กระจายสินค้าย่อยในภาคต่าง ๆ สำหรับความคืบหน้า SCG Decor สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้อนุมัติคำขออนุญาตเสนอขายหลักทรัพย์และแบบไฟลิ่งแล้ว เตรียมเสนอขาย IPO ไม่เกิน 439.1 ล้านหุ้น พร้อมคว้าโอกาสเป็นผู้นำอาเซียนธุรกิจตกแต่ง

นายวิชาญ  จิตร์ภักดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทเอสซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “SCGP มุ่งดำเนินธุรกิจให้สอดคล้องกับภาวะตลาด เน้นเพิ่มยอดขายบรรจุภัณฑ์ในกลุ่มอาหารและสินค้าอุปโภคบริโภคที่ยังเติบโตได้ดี เพื่อรักษาการเติบโตอย่างมีคุณภาพ ล่าสุดลงทุนใน Law Print & Packaging Management Limited โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมอาหารสัตว์เลี้ยงที่เติบโตสูง ซึ่งจะช่วยเสริมแกร่งให้ SCGP มีช่องทางการจำหน่ายสินค้าบรรจุภัณฑ์พอลิเมอร์เพิ่มขึ้นและขยายธุรกิจไปยังตลาดระดับโลก 

งบการเงินรวมก่อนสอบทานของเอสซีจี ไตรมาส 3 ประจำปี 2566 เอสซีจีมีรายได้จากการขาย 125,649 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 12 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากยอดขายในทุกธุรกิจลดลง และการไม่รวมยอดขายของ SCG Logistics ขณะที่กำไรสำหรับงวด 2,441 ล้านบาท ใกล้เคียงกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ทั้งนี้ กำไรจากการดำเนินงาน 3,019 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 26 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

ผลประกอบการ 9 เดือนของปี 2566 เอสซีจีมีรายได้จากการขาย 379,028 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 15 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน สาเหตุหลักจากยอดขายที่ลดลงของทุกกลุ่มธุรกิจจากสถานการณ์ตลาดในภูมิภาค มีกำไรสำหรับงวด 27,049 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 27 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน สำหรับสินค้าและบริการที่มีมูลค่าเพิ่ม (High-Value Added Products & Services – HVA) ในช่วง 9 เดือนของปี 2566  มีรายได้ 129,125 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 34 ของรายได้จากการขายรวม ยอดขายสินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม SCG Green Choice 206,048 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 54 ของรายได้จากการขายรวม นอกจากนี้ยังมีรายได้จากการดำเนินธุรกิจในต่างประเทศ รวมการส่งออกจากประเทศไทย ในช่วง 9 เดือนของปี 2566 ทั้งสิ้น 163,505 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 43 ของรายได้จากการขายรวม  

.ผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 3 ปี 2566 และ 9 เดือนของปี 2566 แยกตามรายธุรกิจ ดังนี้

ธุรกิจเคมิคอลส์ (SCGC) ในไตรมาสที่ 3 ปี 2566 มีรายได้จากการขาย 49,663 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 2 จากไตรมาสก่อน เนื่องจากปริมาณขายเพิ่มขึ้น ขณะที่ลดลงร้อยละ 13 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน กำไรสำหรับงวด 1,052 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 311 ล้านบาท จากไตรมาสก่อน และเพิ่มขึ้น 1,391 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

ธุรกิจซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง ในไตรมาสที่ 3 ปี 2566 มีรายได้จากการขาย 47,015 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 9 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน สาเหตุหลักจากการไม่รวมยอดขายของ SCG Logistics ประกอบกับได้รับผลกระทบจากตลาดภูมิภาคอาเซียน กำไรสำหรับงวดอยู่ที่ 402 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 49 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน 

ธุรกิจแพคเกจจิ้ง (SCGP) ในไตรมาสที่ 3 ปี 2566 มีรายได้จากการขาย 31,572 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 17 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน สาเหตุหลักจากราคาขายของกระดาษบรรจุภัณฑ์ที่ลดลง ท่ามกลางการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่ล่าช้าในประเทศจีนและยุโรป โดยมีกำไรสำหรับงวด 1,325 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 28 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน สำหรับผลประกอบการ 9 เดือนของปี 2566 ธุรกิจแพคเกจจิ้ง มีรายได้จากการขายรวม  97,517 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 13 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

#SCG #SCGP # SCGDecor # SCGHOME #หุ้นSC #เอสซีจี #แถลงผลประกอบการไตรมาส3 #SET #Stockreview #BusinessLineAndLife #ข่าวหุ้น #ข่าวเศรษฐกิจ #ข่าวประจำวัน