ก.ล.ต.นับหนึ่งไฟลิ่งหุ้นไอพีโอ “WINDOW” จำนวน 244.20 ล้านหุ้น เดินหน้าเข้า SET

ก.ล.ต.นับหนึ่งไฟลิ่งหุ้นไอพีโอ “WINDOW” จำนวน 244.20 ล้านหุ้น

เดินหน้าเข้า SET รองรับการเติบโตทางธุรกิจในอนาคต

 

บมจ.วินโดว์ เอเชีย (WINDOW) หุ้นน้องใหม่ IPO เตรียมประกาศศักดาในตลาดหุ้นไทย ล่าสุด ก.ล.ต. นับหนึ่งไฟลิ่งหุ้นไอพีโอไม่เกิน 244.20ล้านหุ้น เดินหน้าเข้า SET ระดมทุน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตประตูหน้าต่างสำเร็จรูปอลูมิเนียมและยูพีวีซี ชูจุดเด่นด้านผลิตภัณฑ์ที่แตกต่างและโดดเด่น จากการนำทั้งเส้นอลูมิเนียม และเส้นยูพีวีซี มาใช้เป็นวัตถุดิบหลักในกระบวนการผลิต พร้อมวางเป้าหมายขึ้นแท่นหนึ่งในผู้นำด้านการผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ประตูและหน้าต่างอย่างครบวงจร

นายธนินทร์ รัตนศิริวิไล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการบริหาร บริษัท วินโดว์ เอเชีย จำกัด (มหาชน) WINDOW ผู้ผลิตและจำหน่ายประตูหน้าต่างสำเร็จรูปอลูมิเนียมและยูพีวีซี เปิดเผยว่า สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (สำนักงาน ก.ล.ต.) ได้นับหนึ่งแบบแสดงรายการข้อมูล (Filing) บริษัท วินโดว์ เอเชีย จำกัด (มหาชน) WINDOW เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่ง WINDOW มีแผนจะออกและเสนอขายหุ้นให้กับประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวนรวมไม่เกิน 244.20 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท หรือคิดเป็นร้อยละ 27.5 ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ เพื่อใช้ขยายกำลังการผลิตและเป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการ โดย WINDOW วางเป้าหมายที่จะเป็นหนึ่งในผู้นำด้านการผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ประตูและหน้าต่างอย่างครบวงจรเพื่อให้สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างครบครันทั้งในและต่างประเทศ

สำหรับจุดเด่นของผลิตภัณฑ์ WINDOW คือ การนำทั้งเส้นอลูมิเนียม (Aluminumและเส้นยูพีวีซี (Unplasticized Polyvinyl Chloride: UPVC)มาใช้เป็นวัตถุดิบหลักในกระบวนการผลิต ทำให้ได้ผลิตภัณฑ์ประตูและหน้าต่างที่มีคุณสมบัติแตกต่างกัน ซึ่งผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ มีทั้งส่วนที่บริษัทฯ ผลิตขึ้นและถูกจัดจำหน่ายภายใต้ตราสินค้าของบริษัทฯ เอง และส่วนที่บริษัทฯ รับจ้างผลิตและจัดจำหน่ายภายใต้ตราสินค้าของลูกค้า (Original Equipment Manufacturer: OEM)

สำหรับผลิตภัณฑ์ที่ใช้ตราสินค้าของบริษัทฯ ประกอบไปด้วย ผลิตภัณฑ์ภายใต้เครื่องหมายการค้า วินโดว์ เอเชีย (Window Asia) วินด์เฟม (Wind Fame) เฟรมเม็กซ์ (FRAMEX) และเอ็นโซ (Enzo) ซึ่งสินค้าส่วนใหญ่จะถูกส่งไปจัดจำหน่ายให้แก่ร้านค้าปลีกวัสดุก่อสร้างสมัยใหม่ (Modern trade) ที่มีสาขาครอบคลุมพื้นที่เกือบทุกจังหวัดในประเทศ และร้านค้าปลีกวัสดุก่อสร้างแบบดั้งเดิม (Traditional trade) ที่มีร้านค้าปลีกวัสดุก่อสร้างที่เป็นของตนเองในพื้นที่ที่มีศักยภาพ โดยผู้บริโภคสามารถเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ ได้จากร้านค้าปลีกวัสดุก่อสร้างทั้ง 2 รูปแบบ 

ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2566 ร้านค้าปลีกวัสดุก่อสร้างสมัยใหม่และร้านค้าปลีกวัสดุก่อสร้างแบบดั้งเดิมในทุกภูมิภาคของประเทศที่มีผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ วางจำหน่ายมีจำนวนรวมกันกว่า 653 แห่ง และร้านค้าวินโดว์ เอเชีย 42 สาขา นอกจากนั้น ผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ ยังมีวางจำหน่ายผ่านร้านค้าวินโดว์ เอเชีย (“Window Asia Shop”) ซึ่งเป็นหน้าร้านของบริษัทฯ หรือช่องทางออนไลน์ (Online) ของบริษัทฯ บนแพลตฟอร์มที่หลากหลาย เช่น หน้าเว็ไซต์ (Website) เฟบุ๊ก (Facebook) บัญชีไลน์ ออฟฟิศเชียล (Line Official Account) ลาซาด้า (Lazada) ช็อปปี้ (Shopee) และน็อคน็อค (NocNoc) เป็นต้น ทำให้ผู้บริโภคสามารถสั่งซื้อผลิตภัณฑ์จากบริษัทฯ ได้โดยตรงผ่านทางช่องทางต่างๆ 

ทั้งนี้ บริษัทฯ มีรายได้หลักจากการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ ซึ่งสินค้าส่วนใหญ่บริษัทฯ ดำเนินการผลิตได้ด้วยตนเอง และสินค้าบางส่วนบริษัทฯ ได้จัดหามาจากภายนอก ซึ่งผลิตภัณฑ์ที่บริษัทฯ จัดจำหน่ายสามารถแบ่งออกได้เป็น 3 ประเภทตามลักษณะการใช้งาน ได้แก่ 1) ผลิตภัณฑ์ประตู 2) ผลิตภัณฑ์หน้าต่าง และ 3) ผลิตภัณฑ์อื่นๆ โดยผลประกอบการในช่วงปี 2563-2565 บริษัทฯ มีรายได้รวม 747.50 ล้านบาท 835.51 ล้านบาท และ 913.35 ล้านบาท ตามลำดับ มีกำไรขั้นต้น 220.33 ล้านบาท 247.37 ล้านบาท และ 239.67 ล้านบาท ตามลำดับ และมีกำไรสุทธิ 73.10 ล้านบาท 99.28 ล้านบาท และ 74.52 ล้านบาท ตามลำดับ 

ขณะที่ผลประกอบการช่วง 6 เดือนแรก ปี 2566 บริษัทฯ มีรายได้รวม 526.88 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 42.05 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันปีก่อนมีรายได้รวม 536.02 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 64.56 ล้านบาท 

อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ มีนโยบายการจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราไม่น้อยกว่าร้อยละ 40 ของกำไรสุทธิจากงบเฉพาะกิจการภายหลังหักภาษีเงินได้นิติบุคคล และเงินสำรองต่างๆ ทุกประเภทตามที่กำหนดไว้ในกฎหมายและข้อบังคับของบริษัท

นายธนินทร์ กล่าวทิ้งท้ายว่า ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา บริษัทฯ ดำเนินธุรกิจโดยมุ่งเน้นการพัฒนาในด้านคุณภาพเป็นสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องคุณภาพในการบริหารจัดการ คุณภาพด้านกรรมวิธีการผลิต และคุณภาพของผลิตภัณฑ์ โดยบริษัทฯ ได้รับการรับรองมาตรฐานระดับสากลในด้านต่างๆ ได้แก่ มาตรฐาน ISO9001:2015 ซึ่งเป็นมาตรฐานระบบบริหารการจัดการด้านคุณภาพ มาตรฐาน ISO14000:2015 ซึ่งเป็นมาตรฐานระบบการจัดการด้านสิ่งแวดล้อม และมาตรฐาน ISO45001:2018 ซึ่งเป็นมาตรฐานระบบการจัดการอาชีวอนามัยและความปลอดภัย อุตสาหกรรมสีเขียวระดับที่ 3 ระบบสีเขียว (Green system) ซึ่งเป็นการบริหารจัดการสิ่งแวดล้อมอย่างเป็นระบบ มีการติดตามประเมินผลและทบทวนเพื่อการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง จากกระทรวงอุตสาหกรรม

นายธีรศักดิ์ ทวีปิยมาภรณ์ กรรมการผู้จัดการริษัทหลักทรัพย์ ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย)จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน ของบริษัท วินโดว์ เอเชีย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ปัจจุบัน WINDOW มีทุนจดทะเบียน 444,000,000 บาท เป็นทุนจดทะเบียนที่ออกและชำระแล้ว 321,900,000 บาท โครงสร้างผู้ถือหุ้นใหญ่ คือ ครอบครัวรัตนศิริวิไล ถือหุ้นรวม 98.68% และจะลดสัดส่วนหลัง IPO เหลือ 71.54%โดยบริษัทฯ มีแผนที่จะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ในหมวดธุรกิจ อสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง/วัสดุก่อสร้าง ภายในปี 2566 เพื่อสร้างความแข็งแกร่งทางธุรกิจ และสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน

สำหรับการระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1. ลงทุนก่อสร้างอาคารโรงงานใหม่ และจัดซื้อ เครื่องจักร และเครื่องมือ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิต เพิ่มพื้นที่ในการผลิตงานทั้งในส่วนของผลิตภัณฑ์ประเภทอลูมิเนียมและยูพีวีซี เพิ่มพื้นที่จัดเก็บสินค้าสำเร็จรูป และเพิ่มพื้นที่ในการจัดเตรียมงานจัดส่งสินค้า สำหรับรองรับการขยายตัวทางธุรกิจของบริษัทฯ ในอนาคต 2. ชำระคืนเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงิน และ 3. ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการประกอบกิจการ