GFC เคาะราคาIPO 7 บาท เปิดจอง 4-6 ก.ย.นี้

GFC เคาะราคา IPO 7.00 บาท เปิดจองหุ้น 4-6 .. 66 ผู้นำด้านการให้บริการทางการแพทย์ สำหรับผู้มีปัญหามีบุตรยากรายแรกใน ตลทพร้อมปักหมุดลงสนามเทรด mai หมวดธุรกิจบริการ 

นายกรพัส อัจฉริยมานีกูล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร “GFC” เผยว่า  GFC พร้อมเดินหน้าขับเคลื่อนการเป็นหนึ่งในผู้นำด้านเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ ในภูมิภาคอาเซียน ที่มีความมั่นคงยั่งยืนและเพิ่มขีดความสามารถในการให้บริการของกลุ่มบริษัทฯ ภายใต้กลยุทธ์ในการแข่งขัน ได้แก่ 1. การให้บริการแบบครบวงจร 2. เทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ที่ทันสมัย 3. บุคลากรที่มีความชำนาญการ 4. คุณภาพในการให้บริการที่เป็นเลิศ และ 5. การประชาสัมพันธ์และความสัมพันธ์กับลูกค้า และที่สำคัญGFC พิสูจน์ถึงศักยภาพและความพร้อมก้าวสู่ธุรกิจรักษาผู้มีบุตรยากรายแรกที่จะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ผ่านการเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ  ซึ่งเม็ดเงินที่ได้ จำนวน 420.00 ล้านบาทบริษัทฯจะนำไปขยายการลงทุนโครงการคลินิกสาขาสุวรรณภูมิ-พระราม 9 เพื่อเพิ่มศักยภาพและยกระดับการให้บริการทางการแพทย์สำหรับผู้มีบุตรยากครอบคลุมทุกมิติมากยิ่งขึ้น เพื่อสร้างให้คลินิกสาขาสุวรรณภูมิ-พระราม 9 เป็นแลนด์มาร์คที่สำคัญของกรุงเทพฯ สำหรับการให้บริการทางการแพทย์สำหรับผู้มีปัญหามีบุตรยาก นอกจากนี้ บริษัทยังมีแผนลงทุนโครงการคลินิกสาขาอุบลราชธานี เพื่อขยายฐานการให้บริการรักษาภาวะมีบุตรยากไปยังกลุ่มลูกค้าในพื้นที่ และจังหวัดใกล้เคียง รวมถึงขยายฐานลูกค้าไปยังประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งแผนการขยายการลงทุนดังกล่าว ถือเป็นยุทธ์ศาสตร์การกระจายความเสี่ยงของรายได้ ที่ไม่อยู่ในกรุงเทพฯเพียงอย่างเดียว เนื่องจากบริษัทฯยังคงมีแผนขยายพื้นที่ในการให้บริการของกลุ่มบริษัท ให้ครอบคลุมพื้นที่ที่มีศักยภาพทั่วประเทศมากขึ้น  ซึ่งจากปัจจัยดังกล่าวจะสร้างNew S-Curve เพื่อมุ่งสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน ในฐานะ CEO มองว่า GFC จัดเป็นหุ้นประเภท Growth Stock ที่สามารถให้ผลตอบแทนจากการลงทุนได้อย่างต่อเนื่อง โดยมีนโยบายจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราไม่น้อยกว่า 40% ของกำไรสุทธิ และบริษัทฯ มีเป้าหมายการเติบโตของธุรกิจในอนาคตที่สูงด้วยการลงทุนต่อยอดธุรกิจที่ชัดเจนดังนั้นจึงอยากให้นักลงทุนเติบโตไปพร้อมกับ GFC

นพ.ประมุข วงศ์ธนะเกียรติ รองประธานกรรมการ บมจเจเนซีส เฟอร์ทิลีตี เซ็นเตอร์ “GFC” เผยว่า ธุรกิจศูนย์ให้บริการทางการแพทย์สำหรับผู้มีปัญหามีบุตรยากมีโอกาสเติบโตอย่างโดดเด่นในอนาคต จากปัจจัยพฤติกรรมของประชากรที่มีการเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะค่านิยมในการดำเนินชีวิตที่ให้ความสำคัญกับความสำเร็จและความพร้อมก่อนการมีบุตร ทำให้ประชากรกลุ่มวัยเจริญพันธุ์มีแนวโน้มการแต่งงานช้าลง ซึ่งถือเป็นโอกาสของกลุ่มบริษัท GFC ในการสร้างรายได้จากการให้บริการรักษาภาวะมีบุตรยากกับประชากรวัยเจริญพันธุ์ที่มีบุตรช้า ผ่าน 5 กลุ่มการให้บริการ ได้แก่ 1. การให้บริการตรวจเบื้องต้นก่อนให้คำแนะนำหรือรักษา 2. การให้บริการรักษาผู้มีบุตรยากด้วยวิธี IUI 3. การให้บริการรักษาผู้มีบุตรยากด้วยวิธี ICSI 4. การให้บริการตรวจพันธุกรรมของตัวอ่อน (NGS) และ 5. การให้บริการแช่แข็งไข่และการฝากไข่  

ปัจจัยสำคัญที่ผลักดันให้ตลาดบริการรักษาภาวะมีบุตรยากเติบโตเพิ่มขึ้น นั้น มาจากการขยายตัวของตลาดท่องเที่ยวสำหรับผู้มีบุตรยาก (Fertility Tourism) ซึ่งอ้างอิงข้อมูลจาก Allied Market Research ในปี 2562 พบว่า ตลาดท่องเที่ยวสำหรับผู้มีบุตรยากทั่วโลกมีมูลค่าประมาณ 11.6 พันล้านเหรียญสหรัฐและคาดการณ์ว่า ในปี 2570 ตลาดท่องเที่ยวสำหรับผู้มีบุตรยากทั่วโลกจะมีมูลค่าประมาณ 33.6 พันล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็นอัตราการเติบโตเฉลี่ย (CAGR) ร้อยละ 14.20 ต่อปี

นายกิตติพันธ์ ภูษณวรรณ กรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด ในฐานะเป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายของ บมจเจเนซีส เฟอร์ทิลีตี เซ็นเตอร์ เผยว่า ล่าสุดได้มีการกำหนดราคาเสนอขายหุ้นสามัญให้กับประชาชนทั่วไป (IPO) จำนวนไม่เกิน 60 ล้านหุ้น คิดเป็น27.27% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ ภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนในครั้งนี้ มูลค่าที่ตราไว้(พาร์) 0.50 บาท ที่ระดับราคาหุ้นละ 7.00 บาท โดยกำหนดเปิดให้จองซื้อระหว่างวันที่ 4-6 กันยายนนี้ และคาดว่าหุ้น GFC จะสามารถเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) หมวดธุรกิจบริการ ในวันที่ 13 กันยายน 2566 ภายใต้ใช้ชื่อย่อ “GFC”

.

สำหรับราคาหุ้นสามัญที่เสนอขายหุ้นละ 7.00 บาท คิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิ (P/E Ratio) ที่21.17 เท่า เมื่อเทียบกับ P/E กลุ่มซึ่งอยู่ที่ระดับ 31.32 เท่า ซึ่งถือเป็นระดับราคาที่เหมาะสมเมื่อพิจารณาจากผลการดำเนินงานย้อนหลัง 4 ไตรมาสล่าสุด ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2565 ถึงวันที่ 30 มิถุนายน2566 ที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง จากจำนวนผู้เข้ามารับบริการรักษาภาวะมีบุตรยากเพิ่มขึ้น  ภายใต้จุดเด่นที่น่าสนใจของ GFC คือการเป็นหนึ่งในผู้นำด้านการให้บริการทางการแพทย์สำหรับผู้มีบุตรยาก ด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ที่ทันสมัยแห่งหนึ่งของประเทศไทย ตั้งแต่ให้คำแนะนำ คำปรึกษา ตลอดจนการเลือกวิธีการรักษาที่เหมาะสม โดยทีมแพทย์และนักวิทยาศาสตร์ผู้ชำนาญการที่มีประสบการณ์ด้านเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ และเราถือว่าเป็นผู้ดำเนินธุรกิจในอุตสาหกรรมนี้รายแรกที่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย 

นายเอกจักร บัวหภักดี กรรมการผู้จัดการ บริษัท แคปปิตอล วัน พาร์ทเนอร์ จำกัด เปิดเผยในฐานะบริษัทที่ปรึกษาทางการเงิน เผยว่า ด้วยจุดแข็งของ GFC นอกจากจะเป็นผู้ประกอบการธุรกิจรักษาผู้มีบุตรยากแบบเฉพาะทางรายแรกที่จะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯแล้ว GFC ยังเป็นศูนย์รวมแพทย์ นักวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยีชั้นนำด้านการเจริญพันธุ์ เพื่อผู้หญิงยุคใหม่ และคู่สมรสที่อยากมีบุตรที่สมบูรณ์ แข็งแรง มาเติมเต็มความสุขของครอบครัว จากแพทย์ผู้ชำนาญการด้านสูตินรีเวชและเทคโนโลยีเจริญพันธุ์ที่มีประสบการณ์ด้านการให้บริการทางการแพทย์ผู้มีปัญหามีบุตรยากมากกว่า 23 ปี โดยพิสูจน์จากอัตราความสำเร็จที่ GFC มีเป็นเปอร์เซ็นต์ความสำเร็จในการรักษาการตั้งครรภ์สูงกว่าค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรม และจากความสำเร็จดังกล่าวสะท้อนถึงผลการดำเนินงาน GFC ที่มีอัตราการเติบโตของรายได้โตเฉลี่ยย้อนหลัง 3 ปี อยู่ที่ 13.37% โดยกลุ่มบริษัทฯมีรายได้จากการให้บริการในปี2563 - ปี2565 และงวด 6 เดือนปี 2566 เท่ากับ 214.42 ล้านบาท 242.12 ล้านบาท และ 275.91 ล้านบาท และ 166.95 ล้านบาท 

.

สำหรับรายได้จากการให้บริการของกลุ่มบริษัทฯ จะสอดคล้องกับจำนวนผู้เข้ามารับบริการรักษาภาวะมีบุตรยาก ซึ่งกลุ่มบริษัทฯ มีรายได้จากการให้บริการรักษาผู้มีบุตรยากด้วยวิธี ICSI เป็นรายได้หลัก ขณะที่กำไรสุทธิปี 2563 -2565 และงวด 6 เดือนปี 2566 เท่ากับ 66.55 ล้านบาท 69.63 ล้านบาท 65.68 ล้านบาท และ 34.33 ล้านบาท ตามลำดับ อีกทั้ง อัตราส่วน ROE และอัตราส่วน ROA สูงกว่าค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรม โดยบริษัทมีอัตราความสำเร็จในการตั้งครรภ์สูงกว่าค่าเฉลี่ย และสูงสุดถึง 72.29%

#GFC #SET #IPO #StockReview #BusinessLineandLife #ข่าวหุ้น #ข่าววันนี้