แม่ทัพหญิง TPCH "กนกทิพย์ จันทร์พลังศรี”ส่งสัญญาณงบปี 63 แรงสะท้านปฐพี จ่อ COD โรงไฟฟ้าชีวมวล-ขยะ 59
MW ดันกำลังการผลิตไฟฟ้าในมือเพิ่มเป็น 119 MW หนุนรายได้-กำไร สร้างสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์
ลั่นพร้อมลุยโรงไฟฟ้าชุมชนสนองนโยบายรัฐ บอร์ดจัดหนัก ปันผลงวดครึ่งหลังปี 62 ในอัตรา 0.123 บ/หุ้น เคาะจ่าย 20 พ.ค.นี้
นางกนกทิพย์
จันทร์พลังศรี ประธานคณะกรรมการบริหาร บริษัท ทีพีซี เพาเวอร์ โฮลดิ้ง จำกัด
(มหาชน) (TPCH) ประกอบธุรกิจหลักโดยการถือหุ้นในบริษัทอื่น
(Holding Company) ที่ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน
เปิดเผยว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานในปี 2563
คาดว่าจะเติบโตอย่างก้าวกระโดด โดยได้รับปัจจัยหนุนจากการรับรู้รายได้ของการขายไฟเข้าระบบในเชิงพาณิชย์
(COD) จากโรงไฟฟ้าเดิมและโรงไฟฟ้าใหม่ที่จะ COD เพิ่ม จากปัจจุบันมีกำลังการผลิตไฟฟ้าในมือจำนวน 60
เมกะวัตต์ เพิ่มเป็น 119 เมกะวัตต์ ในสิ้นปีนี้
สำหรับโครงการโรงไฟฟ้าชีวมวลและโรงไฟฟ้าขยะที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างและรอ
COD มีกำลังการผลิตรวม 59
เมกะวัตต์ ประกอบด้วย โรงไฟฟ้าชีวมวล ทีพีซีเอช เพาเวอร์1 (TPCH 1) ,โรงไฟฟ้าชีวมวล ทีพีซีเอช เพาเวอร์2 (TPCH 2), โรงไฟฟ้าชีวมวล
ทีพีซีเอช เพาเวอร์5 (TPCH 5), โรงไฟฟ้าชีวมวล ปัตตานี กรีน
เพาเวอร์ (PTG) ทำให้มีโรงไฟฟ้าชีวมวลสามารถจ่ายไฟเข้าระบบได้ครบทั้ง
10 โรงไฟฟ้าในครึ่งปีแรก และโรงไฟฟ้าขยะ สยาม พาวเวอร์ 1
(SP1) ในครึ่งปีหลังของ 2563 ซึ่งจะเป็นการสนับสนุนรายได้และกำไรเติบโตแบบเท่าตัว
ด้านนายเชิดศักดิ์
วัฒนวิจิตรกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทีพีซี เพาเวอร์ โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน)
(TPCH) กล่าวว่า ถึงแม้ว่าเหตุการณ์แพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
จะส่งผลกระทบต่อธุรกิจโลกเป็นวงกว้าง สำหรับบริษัทฯ คาดว่าจะส่งผลกระทบไม่มากนัก
เนื่องจากมีโครงสร้างทางรายได้ที่มั่นคงจากภาครัฐ ทั้งนี้ บริษัทฯได้วางมาตรการเพื่อลดผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
ไว้แล้ว และเชื่อมั่นว่าการดำเนินงานของโรงไฟฟ้าจะยังคงเป็นไปอย่างราบรื่นและเป็นไปตามแผนที่บริษัทฯได้วางไว้
“ทุกโรงไฟฟ้าของบริษัทฯ
ยังเปิดดำเนินการเต็มกำลังการผลิตตามปกติ และมีการควบคุมต้นทุนในการผลิตอย่างรัดกุม
ในส่วนของแผนการเติบโตของบริษัทฯนั้น มีเป้าหมายในการมีใบอนุญาตในการขายไฟฟ้า (PPA)
ทั้งโรงไฟฟ้าชีวมวล ชีวภาพ และโรงไฟฟ้าขยะ ให้ครบ 250 เมกะวัตต์ แบ่งออกเป็นโรงไฟฟ้าชีวมวล ชีวภาพ 200 เมกะวัตต์
ซึ่งปัจจุบันมีอยู่ 110 เมกะวัตต์ และโรงไฟฟ้าขยะที่ 50
เมกะวัตต์ ซึ่งปัจจุบันมีอยู่ที่ 10 เมกะวัตต์
บริษัทฯ มีความพร้อมในการเข้าร่วมโครงการโรงไฟฟ้าชุมชนเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและโครงการโรงไฟฟ้าขยะชุมชนที่มีนโยบายจากภาครัฐให้การสนับสนุนอยู่
เพื่อผลักดันให้ธุรกิจเติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืน” นายเชิดศักดิ์กล่าวในที่สุด
ส่วนผลการดำเนินงานของบริษัทฯ
ในปี 2562 (สิ้นสุดวันที่ 31
ธันวาคม 2562) มีรายได้รวม 1,642.02
ล้านบาท เพิ่มขึ้น 81.9 ล้านบาท หรือ 5.25% เทียบปี 2561 มีรายได้รวม 1,560.12 ล้านบาท ขณะที่มีกำไรสุทธิ 359.51 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.62 ล้านบาท หรือ 1.58% เทียบกับปี 2561 มีกำไรสุทธิ 353.89 ล้านบาท
นอกจากนี้
ที่ประชุมคณะกรรมการยังมีมติอนุมัติจ่ายปันผลสำหรับงวดผลการดำเนินงานในวันที่ 1 กรกฎาคม-31 ธันวาคม 2562 เป็นเงินสดในอัตรา 0.123 บาท/หุ้น รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 49.35 ล้านบาท ขึ้นเครื่องหมาย
XD วันที่ 5 พ.ค. และกำหนดจ่ายในวันที่
20 พ.ค.2563