ท่องเที่ยวคึกคัก MINT เล็งขยายโรงแรมเพิ่ม 65 แห่ง

บริษัทไมเนอร์ อินเตอร์แนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ MINT เปิดแผนธุรกิจโรงแรม ทั้งในประเทศ – ต่างประเทศ เตรียมงบฯลงทุนอีก 1-1.5 หมื่นล้านลงทุนโรงแรมใน 3 ปีข้างหน้า

“ดิลิป ราชากาเรีย” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์แนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ MINT ให้สัมภาษณ์ถึงผลประกอบการ และแนวทางการขยายธุรกิจโรงแรม ดังนี้ บรีตั้งงบฯลงทุนในช่วง 3 ปีข้างหน้าไว้ที่ 1-1.5 หมื่นล้านบาท เพื่อลงทุนบริษัทในเครือโดยเฉพาะธุรกิจโรงแรม ใน 3 ปีข้างหน้า ปัจจุบัน ไมเนอร์ โฮเทลส์ มีโรงแรมอยู่ในเครือทั้งสิ้น 530 แห่ง ใน 56 ประเทศ มีห้องพักจำนวนรวมกว่า 76,000 ห้อง และมีแผนขยายโรงแรมในช่วงปี 2566-2568 จำนวน 65 แห่ง หรือมากกว่า 13,000 ห้องพักทั่วโลก จากแผนดังกล่าวนี้เป็นการเข้าทำตลาดในประเทศใหม่ 3 ประเทศ คือ บาห์เรน เปรู อียิปต์  สำหรับประเทศไทย “ไมเนอร์ โฮเทลส์” เตรียมเปิดโรงแรมอนันตรา เกาะยาวใหญ่ จังหวัดพังงา และโรงแรมเอ็นเอช คอลเลคชั่น เชียงใหม่ ปิง ริเวอร์ ในช่วงปลายปี 2566 หรือต้นปี 2567


ส่วนโรงแรมในต่างประเทศ บริษัทได้เซ็นสัญญากิจการร่วมค้ากับฟันยาร์ด โฮเทลส์ แอนด์ รีสอร์ท (Funyard Hotels Resorts) จากประเทศจีน ทำให้ปัจจุบันมีการเปิดโรงแรมภายใต้แบรนด์ เช่น nh Hotels, Oaks ในประเทศจีน แล้วจำนวน 8-9 แห่ง และมีโรงแรมอีก 30 แห่งอยู่ในระหว่างการพัฒนาในอนาคต 

ทั้งนี้ ไตรมาสที่ 1/2566 กลุ่มไมเนอร์มีผลการดำเนินงานขาดทุนสุทธิ 647 ล้านบาท ขาดทุนลดลง 82% หากจำแนกรายได้ธุรกิจโรงแรมแต่ละภูมิภาคพบว่า รายได้มีสัดส่วนมาจากประเทศไทย 16% และต่างประเทศ 84%
ส่วนการเติบโตของรายได้ พบว่า ประเทศไทยมีรายได้เติบโตขึ้น 213% ยุโรป 77% ออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ เพิ่มขึ้น 22% มัลดีฟส์และตะวันออกกลาง 3% และทวีปอเมริกา 30%
“ดิลิป” ยังประเมินด้วยว่า ในปี 2566 อัตราการเข้าพักในตลาดการท่องเที่ยวยุโรปจะฟื้นตัวกลับสู่ระดับเดียวกับก่อนการระบาดของโควิด-19 จากกิจกรรมของภาคธุรกิจ และดีมานด์ในกลุ่มประเทศยุโรปกลางเติบโตขึ้น และมองด้วยว่า ความท้าทายของครึ่งหลังของปี 2566 คือ สถานการณ์เงินเฟ้อ อัตราดอกเบี้ย สงคราม รวมถึงปัญหาด้านแรงงาน ซึ่งในประเทศไทยอยู่ระหว่างการกลับสู่ภาวะปกติ เช่นเดียวกับในทวีปยุโรป
บล.ทรีนีตี้ ให้คำแนะนำเกี่ยวกับหุ้น MINT โดยแนะนำให้ซื้อ ราคาเป้าหมายปี 2566 ที่ 40.50 บาท โดยลประกอบการปี 2565 โดยที่รายได้และกำไรมีการฟื้นตัวต่อเนื่องในกลุ่มธุรกิจ คาดว่ามีกำไรเติบโตได้ YoY หลังจากที่จีนเปิดประเทศ และการเข้าสู่ High Season ของกลุ่มโรงแรมในยุโรป ส่วนรายได้ทางกลุ่มร้านอาหารในประเทศไทยช่วงวันหยุดสงกรานต์ที่ผ่านมาทำยอด New High ปรับตัวสูงขึ้นกว่า 10% อีกทั้งต้นทุนวัตถุุดิบอาหารในไตรมาส 2/66 ใกล้เคียงกับช่วงไตรมาส 1/66 ขณะที่ต้นทุนค่าไฟในยุโรปลดลง